ตำรวจทล.สกัดจับแก๊งลอบขนแรงงานเถื่อนซุก 9 ชีวิตแน่นกระบะ

ตำรวจทล.สกัดจับแก๊งลอบขนแรงงานเถื่อนซุก 9 ชีวิตแน่นกระบะ





ad1


กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พร้อม.ตำรวจ บก.ทล.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ตำรวจ บก.ปทส. ร่วมกันจับกุม ดังนี

1.นายสุชาติ แซ่ว่าง อายุ 19 ปี 
2. นายตาลถะอายุ 23 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ถูกจับที่ 2
3. นายเมคิงตะ อายุ 38 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 3
4. นายคอง คาย อู อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 4
5. นายยู ตู อามอายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 5
6. นายยู มี คะอายุ 30 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 6
7. นางสาวโช มา อามอายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 7
8. นางสาวนาน ดา โช อายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 8
9. นางสาวตาล ดา โมอายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 9
10. นางสาวอี แตน นา จอ อายุ 23 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 10

โดยกล่าวหากระทำความผิดผู้ถูกจับที่ 1 “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”
ผู้ถูกจับที่ ๒ - 10 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
สถานที่จับกุม บริเวณสาธารณะริมคลอง หมู่ที่ 2 ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พร้อมด้วยของกลางมี
1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กษ-3562 สระบุรี เลขตัวถัง MP1TFR87JPG049581 จำนวน 1 คัน
2.โทรศัพท์ ยี่ห้อ VIVO สีเทา หมายเลข เบอร์ 080-1209479 จำนวน 1 เครื่อง
3.กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก

พฤติการณ์ พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนคคศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล.จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 18.45 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง โดยพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กษ-3562 สระบุรี โดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากกว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด จนกระทั่งมาถึง บริเวณสาธารณะริมคลอง หมู่ที่ 2 ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจจนเป็นที่พอใจแล้ว

เบื้องต้นสอบถามชื่อ นายสุชาติ แซ่ว่าง อายุ 19 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1 6309 00044 12 1 ที่อยู่ 45/2 หมู่ที่ 11 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก (ทราบชื่อ-นามสกุลภายหลัง)เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กษ-3562 สระบุรี โดยมีผู้ถูกจับที่ 2 - 10 นั่งโดยสารมากับรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงวังน้อย พบว่า ผู้ถูกจับที่ 2 - 10 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง โดยผู้ถูกจับนั่งโดยสารมาในรถยนต์คันดังกล่าวจากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่า วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 12.00 น. ได้รับการประสานจากชายไทย (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ประสานงานให้ไปรับแรงานต่างด้าวจำนวน 9 คน ที่บริเวณป่าข้างทาง พื้นที่ อ.วังเจ้า จ.ตาก เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 โดยได้รับค่าจ้าง 10,000 บาท/ครั้ง ผู้ถูกจับที่ 1 รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงานต่างด้าวทั้ง 9 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 – 10 ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยยังไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย เมื่อถึงปลายทาง จะมีญาติของผู้ต้องหา เป็นคนจ่ายเงินให้กับนายหน้าที่นำพาเข้าประเทศไทย ในราคาประมาณ 10,000 – 25,000 บาท

 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ถูกจับที่ 1 ฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และ ผู้ถูกจับที่ 2 - 10 ฐาน“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวังน้อยภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป