'เศรษฐา'ลั่นแก้ศก.-ปากท้องเรื่องใหญ่ ไม่สนค้าน 1 หมื่นแต่รับฟัง

'เศรษฐา'ลั่นแก้ศก.-ปากท้องเรื่องใหญ่ ไม่สนค้าน 1 หมื่นแต่รับฟัง





ad1

นายกฯ“เศรษฐา” โชว์ผลงาน “30 วันแรกของรัฐบาลประชาชน” เร่งอัดฉีดทุกทางเพื่อปากท้องคนไทย อ้อนกองเชียร์ช่วยกันเปล่งเสียงหน่อยอย่าให้ใครมายับยั้งโครงการ แม้ไม่เห็นด้วยกับคนค้านดิจิทัลวอลเล็ต แต่รับฟังทุกเสียงที่เสนอแนะเพื่อประโยชน์ประชาชน 

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยว่า  “30 วันแรกของรัฐบาลประชาชน ครบ 30 วันแรก ที่ผมและทีมงานเร่งดำเนินการทุกๆนโยบาย เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องชาวไทย ผลักดันให้ประเทศไทยทัดเทียมนานาประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.จนถึง 13 ต.ค. แก้วิกฤติด้านพลังงานทันที ลดค่าไฟ ลดค่าน้ำมัน ช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อปากท้องที่ดีกว่า ทั้งการพักหนี้ เพิ่มรายได้ และรับมือเอลนีโญ เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ และส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น แก้ปัญหาปากท้องและพัฒนาโครงสร้างประเทศอย่างจริงจัง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย มาร่วมสร้าง #Chance OfPossibility เพราะ #นี่คือโอกาสของทุกความเป็นไปได้ ของคนไทยครับ”

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ดิจิทัลวอลเล็ตอยากอธิบายให้สังคมฟังชัดเจนว่า สมมติวันที่ 1 ก.พ.2567 คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้คนละหมื่นบาท บ้านไหนมีสามคนห้าคนเอาไปตั้งตัวได้เลย คิดดูว่ามีประโยชน์มากแค่ไหน เงินที่ได้ไปใช้ใน กทม.ไม่ได้ ต้องใช้ในเขตที่ท่านอยู่ จะช่วยพัฒนาชุมชนที่ท่านอยู่ ไม่ใช่พัฒนาเมืองใหญ่อย่างเดียว มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วย แต่เรารับฟังความคิดเห็นเพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน รับฟังแล้วปรับให้ดี ให้เป็นนโยบายที่โดนใจทุกคน

“คิดดูเดือน ก.พ.67 มีเงินมา 5.6 แสนล้านบาทเข้าไปในระบบ ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะเตรียมสินค้าออกมารองรับหรือไม่ จะมีการจ้างคนเพิ่มหรือไม่ เงินจะอยู่ในกระเป๋าประชาชนมากขึ้นแค่ไหน ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผลมายับยั้งโครงการนี้ ถ้าชอบก็ขอให้พูดบ้าง ให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง เรื่องลดค่าไฟค่าน้ำมันต้องพูด อย่างภาคอุตสาหกรรมที่ลดค่าไฟค่าน้ำมันท่านต้องออกมาพูดว่าท่านมีความสุข ดีใจที่รัฐบาลนี้ทำให้ เราเองก็เป็นคนเหมือนกัน ต้องการขวัญและกำลังใจเหมือนกัน บางคนที่มาด้วยกันวันนี้อยากอยู่บ้าน แต่วันนี้เข้าใจปัญหาประชาชนก็มารับฟังปัญหา เราไม่ได้มาหาเสียงแต่เรามาทำงานจริง” นายเศรษฐากล่าว