ม็อบพนักงานเอ็มเอ็มซี สปินนิ่ง กว่า 100 ชีวิตเรียกร้องจ่ายเงินค่าชดเชยหลังถูกโรงงานลอยแพ

ม็อบพนักงานเอ็มเอ็มซี สปินนิ่ง กว่า 100 ชีวิตเรียกร้องจ่ายเงินค่าชดเชยหลังถูกโรงงานลอยแพ





ad1

พนักงานปั่นด้ายย่านพระสมุทรเจดีย์นับร้อย โร่ร้องผู้ว่าฯสมุทรปราการช่วยเหลือ หลังนายจ้างชาวอินเดียปิดกิจการลอยแพ  นับว่าเป็นแห่งที่สองในรอบเดือนที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 8 สิงหาคม 2566 ที่บริเวณริมเขื่อนหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีกลุ่มพนักงานลูกจ้าง บริษัท เอเอ็มชี สปินนิ่ง จำกัด ตั้งอยู่ในซอยวัดคู่สร้าง ถ.สุขสวัสดิ์ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์  ประมาณ 100 คนเศษ พร้อมถือป้ายโปสเตอร์มีข้อความบางตอนระบุถึง “ผู้ว่าฯช่วยที่ พวกเราถูกนายจ้างลอยแพ” ร่วมตัวกันเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ  หลังทั้งหมดได้ถูกนายจ้างชาวอินเดียประกาศปิดกิจการโรงงาน  พร้อมเลิกจ้างและปล่อยลอยแพพนักงาน  เนื่องจากโรงงานขาดสภาพคล่องไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้  สร้างความเดือดร้อนให้กับลูกจ้างทั้งหมด  ทั้งหมดจึงเดินทางมาขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯช่วยเหลือ   โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯได้ติดภาระกิจราชการ   มี นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดออกมารับหนังสือแทน

นายเจือ จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ แบบบัญชีรายชื่อสัดส่วน พรรคก้าวไกล ในฐานะเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องจากพนักงานบริษัท เอเอ็มชี สปินนิ่ง ซึ่งประกอบกิจการปั่นด้าย ซึ่งถูกนายจ้างปิดกิจการปล่อยลอยแพพนักงาน ทำให้พนักงาน 100 กว่าคนต้องเดือดร้อนมาก เนื่องจากนายจ้างไม่จ่ายเงินค่าจ้างที่ได้ค้างจ่ายให้กับพนักงาน ร่วมถึงเงินค่าชดเชย เงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้า  ซึ่งทุกคนที่มาเพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ช่วยเหลือโดยประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามนายจ้างให้นำเงินค่าจ้างค้างจ่าย ค่าชดเชย ร่วมถึงเงินสวัสดิการอื่นๆที่นายจ้างควรจ่ายให้กับลูกจ้าง ซึ่งทุกคนก็มีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบรายจ่ายในซื้ออาหารในแต่ละวัน รวมถึงค่าเช้าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ บางคนต้องส่งลูกเรียนและอื่นๆอีกมากมาย

“ข้อสำคัญตนขอฝากถึงนายจ้างต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทย หากทำธุรกิจในประเทศไทยก็ขอให้มีจรรยาบรรณในการลงทุนดูแลลูกจ้างให้เป็นไปตามข้อกฎหมายประเทศไทยด้วย ซึ่งโรงงานแห่งนี้นับเป็นโรงงานแห่งที่สองแล้วที่ต้องปิดกิจการลอยแพพนักงาน  ดั้งนั้นผมจึงไม่อยากให้เกิดกรณีในลักษณะเช่นนี้อีก โดยหน่วยงานรัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้นายจ้างอื่นกระทำการเยี่ยงอย่างนายจ้างทั้งสองโรงงานนี้ ” นายเจือ จำปาทอง กล่าวปิดท้าย