แฉมรดก 60 ล้าน ปมฆ่าคลั่ง 3 ศพ น้าเขยปืนโหดรัวนับ 10 นัดใส่หลานสาว-ชาย แล้วยิงหัวดับตาม

แฉมรดก 60 ล้าน ปมฆ่าคลั่ง 3 ศพ น้าเขยปืนโหดรัวนับ 10 นัดใส่หลานสาว-ชาย แล้วยิงหัวดับตาม





ad1

มรดกเลือด ฆ่ากันตายคาบ้าน 3 ศพ น้าเขยป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายก่อเหตุสะเทือนขวัญ รัวยิงหลานชาย กระสุนชำแรกเข้าร่าง 12 นัดดับคารถ หลังจากนั้นเข้าไปในบ้านจ่อยิงหัวหลานสาวอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ 2 นัดคาที่ หลังจากนั้นเดินเข้าห้องนอนจ่อยิงขมับตัวเองตายคาเตียง เมียผู้ก่อเหตุน้าสาวแท้ๆของเหยื่อกระสุนโชคดีออกไปทำธุระนอกบ้าน  ให้การตำรวจสามีกับหลานมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมานาน ต้องแบ่งบ้านเป็น 2 ฝั่งมีประตูเข้าออกของตัวเอง มีแนวคิดว่าจะขายบ้านหลังเกิดเหตุเนื้อที่เกือบ 1 ไร่ ราคา 60 ล้านบาท แล้วแบ่งเงินแยกย้ายกันไปเพื่อตัดปัญหา แต่ยังขายไม่ได้จนมาเกิดเหตุสลดก่อน

ร.ต.อ.เจตน์ นิลพฤกษ์ รอง สว. (สอบสวน) สน.สมเด็จเจ้าพระยา ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิ.ย. ยิงกันมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 3 ถนนท่าดินแดงสุดซอย 6 แขวงและเขตคลองสาน กทม. รายงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 พ.ต.อ.สุนทร มาลาเวช ผกก.สน.สมเด็จเจ้าพระยา หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กก.สส.บก.น.8 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่กว้าง 393 ตร.ว. รั้วรอบขอบชิด พบรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 1 กฆ 1353 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน สภาพมีรอยกระสุนพรุน ทั้งคันทั้งที่กระจกขวาด้านคนขับ 8 นัด กระจกหน้า2 นัด และที่ประตูรถด้านขวาอีก 2 นัด รวม 12 นัด ภายในรถพบร่างนายกัลป์ หุตะกมล อายุ 50 ปี บรรณาธิการนิตยสารยานยนต์ สวมเสื้อโปโลสีขาวชุ่มไปด้วยเลือด กางเกงขายาวสีฟ้า และรองเท้าผ้าใบ ตรวจสอบตามร่างกายถูกคมกระสุนพรุนทั่วร่างกาย ทั้งที่ศีรษะ ทรวงอก และลำตัวรวม 12 นัด เสียชีวิตคาเบาะนั่งคนขับบนสนามหญ้าหน้าบ้าน ข้างรถพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกกระจัดกระจายอยู่เกลื่อนพื้นจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ตรวจสอบในตัวบ้านหน้าห้องนอนชั้นล่างด้านขวาพบศพ น.ส.กนกวรรณ แก้วประเสริฐ อายุ 49 ปี อาจารย์ประจำคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา น้องสาวของนายกัลป์ สภาพยัง สวมชุดนอนลายดอกสีชมพู นั่งคุดคู้เสียชีวิตอยู่หน้าประตูห้องนอน ตรวจสอบตามร่างกายพบบาดแผลถูกจ่อยิงด้วยปืน 9 มม. ที่ศีรษะ 2 นัด ข้างศพพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่ 2 ปลอก

ส่วนผู้ก่อเหตุไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นน้าเขยของนายกัลป์ และ น.ส.กนกวรรณ หลังก่อเหตุยิงหลานภรรยาทั้ง 2 คน แล้วหนีเข้าไปเก็บตัวอยู่ในห้องนอนชั้นล่าง ก่อนใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับยิงตัวตายตาม ทราบชื่อนายอดิศักดิ์ ชื่นอารมณ์ อายุ 67 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ สวมเสื้อยืดสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล รองเท้าผ้าใบสีดำ พบร่างนอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงในห้องนอน มือขวาวางพาดอยู่บนลำตัว อาวุธปืนออโตเมติก 9 มม. ยี่ห้อสมิธ แอนด์ เวสสัน ตกอยู่ระหว่างลำตัวกับแขนซ้าย มีบาดแผลถูกยิงที่ขมับขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เข้าตรวจสอบสภาพศพนายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุพบว่า ผู้ตายจงใจเตรียมวางแผนลงมือก่อเหตุช่วงที่ภรรยาออกไปทำธุระนอกบ้าน สันนิษฐานเบื้องต้นว่าช่วงสายวันเดียวกันก่อนเกิดเหตุ ขณะนายกัลป์ออกไปทำธุระแล้วขับรถกลับเข้ามาที่บ้าน นายอดิศักดิ์ ที่รออยู่ปรี่ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงนายกัลป์ก่อนกระสุน เข้าร่างอย่างแม่นยำถึง 12 นัด หลังจากนั้นกลับเข้าไป ในบ้านจ่อยิง น.ส.กนกวรรณที่ศีรษะอีก 2 นัด จนเสียชีวิตอีกคน ก่อนหนีเข้าไปในห้องนอนใช้อาวุธปืน ยิงตัวเองจนเสียชีวิตเพื่อหนีความผิด

ชาวบ้านใกล้เคียงให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวด้วยว่า ครอบครัวดังกล่าวมีปัญหากันด้วยเรื่องมรดกมานาน เมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว ติดประกาศขายบ้านหลังนี้ราคา 60 ล้านบาท มีผู้สนใจเข้ามาดูหลายรายแต่ต่อรอง ราคากันไม่ได้ ระหว่างนั้นมีการร้องศาลเพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดกบ้านหลังดังกล่าว ล่าสุดนำป้ายประกาศขายบ้านและที่ดินในชื่อ น.ส.แก้ว ซึ่งเป็นชื่อเล่นของ น.ส.กนกวรรณผู้เสียชีวิตด้วย

ด้าน พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 เผยว่า บ้านหลังนี้ตามปกติอาศัยกันอยู่รวม 4 คนคือผู้ตายทั้ง 3 ราย และภรรยาของนายอดิศักดิ์ผู้ก่อเหตุ ขณะนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 3 ศพ ล้วนเป็นญาติพี่น้องกันทั้งสิ้น นายอดิศักดิ์ ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง และกำลังป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ก่อนเกิดเหตุทราบว่า นายอดิศักดิ์เป็นน้าเขยเคยมีเรื่องฟ้องร้องปมมรดกกับหลานภรรยาที่เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และมีปัญหาระหองระแหงภายในครอบครัวกันมานาน กระทั่งวันนี้ช่วงเช้าภรรยานายอดิศักดิ์ออกไปธุระนอกบ้าน กลับมาพบว่าสามียิงหลานชายและหลานสาวตัวเองเสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองตาม หลังจากนี้จะมอบร่างผู้เสียชีวิตให้แพทย์นิติเวชดำเนินการผ่าชันสูตร และมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา พนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา เชิญตัวนางยุพาวดี ชื่นอารมณ์ อายุ 65 ปี ภรรยานายอดิศักดิ์ผู้ก่อเหตุมาสอบสวนถึงสาเหตุยิงกันตายครั้งนี้ได้ความว่า นายกัลป์กับ น.ส.กนกวรรณ เป็นหลานของนางยุพาวดีที่เกิดจากพี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากมีเรื่องระหองระแหงกันมานาน หลานทั้ง 2 คนเลยอยากจะขายบ้านเอาเงินมาแบ่งกัน ซึ่งนางยุพาวดีก็ไม่ได้มีปัญหา ต่อมา น.ส.กนกวรรณร้องศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อบอกขายบ้านมรดก สร้างความไม่พอใจให้นายอดิศักดิ์เพราะไม่อยากให้ขาย สู้คดีกันจนถึงชั้นอุทธรณ์คดียังไม่จบ ที่ผ่านมาน้าเขยกับหลานมักมีเรื่องกันบ่อยครั้ง ถึงขนาดแบ่งบ้านกันอยู่คนละฝั่ง เข้าออกคนละทาง ตำรวจ สน.สมเด็จเจ้าพระยา รับแจ้งเหตุมาไกล่เกลี่ยอยู่เนืองๆ ส่วนสาเหตุการก่อเหตุสะเทือนขวัญคาดเกิดจากความเครียดส่วนตัวที่นายอดิศักดิ์ป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ไม่มีอะไรจะเสียแล้วจึงตัดสินใจ ก่อเหตุดังกล่าว