ประชาชนนับหมื่นแห่ฟังขุนพลประชาชาติปราศัยโค้งสุดท้ายลั่นผลักดันพรบ.สันติภาพแทนกฎอัยการศึก-พรก.ฉุกเฉิน

ประชาชนนับหมื่นแห่ฟังขุนพลประชาชาติปราศัยโค้งสุดท้ายลั่นผลักดันพรบ.สันติภาพแทนกฎอัยการศึก-พรก.ฉุกเฉิน





ad1

“วันนอร์” เตือน หน.ส่วนราชการพื้นที่ หลังมีกลิ่นตุๆ ไม่เป็นกลาง ขณะที่ขุนพลประชาชาติ ลุยเวทีโค้งสุดท้าย ประชาชนแน่นเวทีนับหมื่นท่ามกลางฝนเท่  ยันผลักดัน พรบ.สันติภาพ แทนกฎอัยการศึก พรก.ฉุกเฉิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึก ของวันที่ 9 พ.ค.256  นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หน.พรรคประชาชาติ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้แยกกันเป็นแกนนำพรรคประชาชาติ เปิดเวทีคู่ขนานปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ เปิดเวทีคู่ขนาน 2 เวที จุดแรก ที่บริเวณสนามกีฬาจำปากอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หาเสียงให้กับ ในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ เขต 5 ให้กับผู้สมัคร ส.ส.คือนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ หมายเลข 4   จุดที่ 2 อาคารเอนกประสงค์ บ้านดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส หาเสียงให้กับ  นายกูเฮง ยาวอฮะซัน ผู้สมัครหมายเลข 3 เขต 4 จังหวัดนราธิวาส พรรคประชาชาติ

โดยการการปราศรัยหาเสียงในครั้งนี้ มีนายอารีเพ็ญ อุตรสินธ์ นายวรวีย์ มะกูดี นายมุข สุไลมาน รอง หน.พรรคประชาชาติ และ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ อดีตรองอธิบดีอัยการ ในฐานะ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ช่วยตระเวนสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นเวทีปราศรัยคู่ขนานในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนนับหมื่นคน แม้จะมีฝนตกเท่ลงมาไม่ขาดสาย แต่ประชาชนยังคงนั่งฟังคำปราศรัย ของพลพรรคประชาชาติอย่างเนื่องแน่นต่อเนื่อง

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้ปราศรัยชูนโยบายพรรคประชาชาติคือพรรคพหุวัฒนธรรมเกิดขึ้นเมื่อปี 2562 จากคะแนนเสียงของพี่น้องประชาชนให้การสนับสนุน แล้วการเลือกตั้งครั้งนี้พี่น้องประชาชนจะทอดทิ้งพรรคการเมืองของท่าน หรือจะเลือกให้พรรคการเมืองของท่านเติบโตยิ่งขึ้น จนเป็นพรรคมหาอำนาจที่เป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชนในสภาฯ พรรคประชาชาติไม่ใช่เป็นพรรคเฉพาะกิจ  และพรรคประชาชาติ เป็นคนพื้นที่ อยู่และสัมผัสเหตุการณ์ความไม่สงบ การแก้ปัญหาความรุนแรงมานาน การที่รัฐใช้ กฎหมาย พรก.ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรมากมายนอกจากเพิ่มปัญหาพื้นที่ และสร้างปัญหากระทบให้กับประชาชนในการใช้ชีวิต ดังนั้น พรรคประชาชาติ เมื่อเป็นรัฐบาล จะผลัดดัน ให้ยกเลิก ใช้กฎอัยการศึก และพรก.ฉุกเฉินในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลัดดัน เป็น พรบ.สันติภาพ แทน เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้การแก้ปัญหา ที่จุดต่อไป

นอกจากนี้ พรรคประชาชาติ เราให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชนที่เชื้อชาติ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คนระดับรากหญ้าสามารถลืมตาอ้าปาก ไม่เหมือนบางพรรคการเมืองเขามองและให้ความสำคัญคนรวยมาก่อน ที่จะให้ความสำคัญแก่พี่น้องประชาชน ดังนั้นการเลือกตั้งในครั้งนี้สัญญาที่พี่น้องประชาชนจะช่วยกันลงคะแนนเสียงให้กับพรรคประชาชาตินั้น มันถึงเวลาแล้วถ้าเลือกก็ให้เลือกทั้งพ่อทั้งลูก คือ เลือกผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและผู้สมัคร ส.ส.แบบระบบบัญชีรายชื่อ มิเช่นนั้นพ่อกับลูกจะอยู่ช่วยกันแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างไร “และจากสัญญาใจที่พี่น้องประชาชนให้คำมั่นสัญญาในครั้งนี้ ผมเชื่อว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาชาติจะได้ ส.ส.แบบแบ่งเขต เข้าไปเป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชน จำนวน 13 คน หรือแลนด์สไลด์ในชายแดนใต้บ้านเรา

ขณะที่นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ผู้สมัคร ส.ส.หมายเลข 4  จ.นราธิวาส พรรคประชาติ ได้กล่าวกับประชาชน ถึงการแก้ปัญหา ด้วยการทำหน้าที่ให้ประชาชนในสภา เพื่อแก้ปัญหากับพื้นที่ประชาชน เป็นปากเป็นเสียง  แต่ไม่มีหน้าที่ กินถนน กินปูน กินสะพาน รับทรัพย์ เปอร์เซ็น เหมือนบางคน  ฉะนั้น ขอให้ประชาชน ใช้ดุลพินิจ  เลือกคนดี เข้าสภา ซึ่งตนพร้อมรับใช้ประชาชนเสมอ ซึ่งประชาชนต้องเลือก คนสมัคร พรรค ส.ส.ประชาชาติ มาทำหน้าที่ประชาชน ประชาชนต้องกา ทั้งคน ทั้งพรรค คือพรรคประชาชาติ เป็นพรรคเดียวของคนจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง

ทางด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หน.พรรคประชาชาติ กล่าวปราศรัย ได้รับการปรบมืออย่างต่อเนื่อง และประชาชนส่งเสียงเชียร์ตลอดเวลา พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้ เรามีข้อมูล ข้าราชการบางคนในเขต 5 จังหวัดนราธิวาส ทำตัวไม่เป็นกลาง มีการเรียก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอื่นๆ ให้ลงคะแนนเสียงให้พรรคหนึ่ง ทำหน้าที่หาเสียง ทั้งที่เป็นข้าราชการประจำ จึงยากฝากเตือน ข้าราชการคนดังกล่าว และ ข้าราชการในพื้นที่ ทุกส่วน นับแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอ หรือ  ข้าราชการทุกส่วน ทำหน้าที่เป็นกลาง หากยังดำเนินการไม่เป็นกลาง พรรคจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน และหากอยากจะหาเสียงนัก ก็ให้ลาออกจากราชการ แล้วมาสมัครแข่ง ส.ส.ตามกรอบกติกากฎหมาย ไม่ควรใช้อำนาจหน้าที่ ไม่เป็นกลางอย่างเด็ดขาด

นายวันนอร์ หน.พรรคประชาชาติ กล่าวอีกว่า สำหรับ ข้อมูลพรรคประชาชาติ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ 14 จุดทั้ง 13 เขต ครบทุกเขต ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แกนนำพลพรรคเป็นการวิ่งมาราธอน ทุกวันนั้นตั้งแต่ 4 พฤษภาคม ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 แต่ละวันหัวหน้าพรรค ผู้บริหารพรรคและส.ส.ของพรรควิ่งรอบ โดยพรรคประชาชาติจะลงพื้นที่นั้นตั้งแต่เช้า 6 -7 โมง ของทุกวัน เพื่อให้กำลังใจประชาชนและ พบปะ ให้กำลังใจพร้อมชูนโยบายต่างๆในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในแต่ละพื้นที่ ซึ่งกิจกรรมแบบนี้ แต่ละวันมีไม่ต่ำกว่า 1-3 จุด กิจกรรม กว่าจะเสร็จครบแต่ละจุดใช้เวลาเกือบ 1-2 ทุ่มของทุกวันจากนั้น 2 ทุ่มขึ้นไป ทุกคนในพรรค ก็จะเข้าเวทีปราศรัย

ซึ่งทุกๆคืนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ  และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ จะนำสส.และผู้บริหารพรรควิ่งรอบเข้าเวทีปราศรัย ไม่ต่ำกว่า 6-7 ชั่วโมงกว่าจะออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเวทีปราศรัยที่สนามหน้าอำเภอสุไหงปาดี มีชาวเจาะไอร้อง แว้ง และสุไหงปาดีมาร่วม พื้นที่นี้ ที่ใครๆหลายคนรู้จักกันว่า เป็นพื้นที่สีแดง เจาะไอร้อง เป็น จุดแรก เกิดเหตุปล้นปืน ในค่ายปีเล็ง แต่พรรคประชาชาติ เข้าไปปราศรัย และออกมาอย่างปลอดภัยทุกคืน  

และ ในวันที่ 11 พฤษภาคม พรรคประชาชาติยังมีแผนวิ่งรอบ ไปเปิดเวทีปราศรัย ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอรามัน เพื่อหาเสียงขอคะแนนให้กับ  หมายเลข 11 นายซูการ์โน มะทา นอกจากนั้น วันที่ 12 พฤษภาคม จะมีการจบเวทีปราศรัยใหญ่ ที่สนามกีฬาอบจ. ปัตตานี เพื่อให้ประชาชน ทั้งสามจังหวัดมาร่วมรับฟังนโยบายนับว่าเป็นหาเสียงแบบดุดันไม่เกรงใจใครเลยจริงๆสำหรับพรรคนี้ นอนกิน อย่าไม่ถามถึง รถยนต์วิ่งเร็วไกลแค่ไหน ก็ลองคาดดูกัน เพราะแต่ละพื้นที่ ที่มีการวิ่งรอบแต่ละวัน ไม่ใช่ 10-20 กม. แต่เป้าหมายของพรรค คือ ต้องไปให้ถึงทันเวลา เสียงตอบรับ จากประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุดและดีที่สุด  เพื่อให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาชาติจะได้ ส.ส.แบบแบ่งเขต เข้าไปเป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชน จำนวน 13 คน หรือแลนด์สไลด์ในชายแดนใต้

โดย....แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส