'มานพ' ผู้ต้องหาร่วมทีมสังหาร 6 ศพ เผยดาบอรรถพร ฆ่าลูกตัวเอง คลั่งจนกลัว หวั่นตายด้วย

'มานพ' ผู้ต้องหาร่วมทีมสังหาร 6 ศพ เผยดาบอรรถพร ฆ่าลูกตัวเอง คลั่งจนกลัว หวั่นตายด้วย





ad1

สุราษฎร์ธานี-‘มานพ’ สารภาพ ร่วมทีมสังหาร 6 ศพ เผยดาบอรรถพร ฆ่าลูกตัวเอง คลั่งจนกลัว หวั่นตายด้วย ต้องให้ไปส่งบ้านก่อน ไม่รู้ยิงเมียก่อนมาชวนไปก่อเหตุ

จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม16 ยิงถล่มบ้าน ในพื้นที่ ม.8 ต.กะเปา อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี แล้วเกิดการดวลปืนกัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 6 ศพ เป็นผู้ที่อยู่ในบ้าน 3 ศพ และอีก 1 ศพเป็นคนร้าย โดยหนึ่งในกลุ่มคนร้ายคือ ด.ต.อรรพร วิเชียร ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.คีรีรัฐนิคม จากนั้นก็ไปพบรถเก๋งที่คนร้ายใช้ขับหลบหนีจอดอยู่ในลานวัดไกรสรเขตราราม ม.4 ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี โดยในนั้นมีศพของลูกชาย ด.ต.อรรพร อยู่ด้วย ขณะเดียวกันยังพบศพ ภรรยาของ ด.ต.อรรพร ถูกยิงเสียชีวิต รวมมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 6 ศพ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เม.ย.66 ที่ สภ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามคดีดังกล่าว โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัว นายมานพ ว่างงาน ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุ ขณะหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จ.พังงา ก่อนนำตัวกลับมาดำเนินคดี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบสวน นายมานพ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุก็ไม่รู้ว่า ด.ต.อรรภพร จะชวนไปยิงถล่มกับ นายธรรมรงค์ พ่อตา เมื่อไปถึง ด.ต.อรรภพร ได้เข้าไปในบ้าน ก่อนมีปากเสียงกับ นายธรรมรงค์ จึงได้ไปหยิบอาวุธปืนในรถออกมายิงใส่ นางนิลทิพย์ ปาลคะเชนทร์ อายุ 48 ปี ภรรยาของ นายธรรมรงค์ จนเสียชีวิต ก่อนที่ และ นายธรรมรัตน์ วิเชียร จะบุกเข้าไปในบ้าน จนถูก นายธรรมรงค์ ยิงเสียชีวิต หลังจากนั้นตน และ ด.ต.อรรถพร จึงได้บุกไปยิง นายธรรมรงค์ และ นายนายพรศักดิ์ เพชรชู เสียชีวิต ก่อนที่จะหลบหนี โดยมี นายอรรถพล วิเชียร ลูกชาย ด.ต.อรรถพร เป็นคนขับรถพาหนี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า นายมานพ ยังให้การต่อว่า ไม่ได้รู้มาก่อนว่า ด.ต.อรรถพร ได้ก่อเหตุยิง น.ส.พนิดา ภรรยาของตัวเองเสียชีวิต ก่อนจะชวนตนไปก่อเหตุ และหลังก่อเหตุ ด.ต.อรรถพร มีอาการเครียดจนคุ้มคลั่ง จึงได้บอกให้ ด.ต.อรรถพร ขับรถไปส่งที่บ้าน เพราะรู้สึกกลัวว่า ด.ต.อรรถพร จะยิงตนตายอีกคน นอกจากนี้ยังทราบอีกว่า ด.ต.อรรถพร ได้ยิงลูกชายตัวเองตายในรถด้วย ทั้งนี้ นายมานพ มีประวัติเป็นมือปืนในพื้นที่ และเคยถูกจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับคดีฆ่าและเพิ่งพ้นโทษออกมาก่อเหตุในลักษณะเดิมอีก

ในส่วนของอาวุธปืนสงครามที่ใช้ก่อเหตุ ต้องรอให้จับกุมตัว ด.ต.อรรพร ให้ได้ก่อน ว่าเป็นปืนที่ได้มาจากไหน ถ้าหากเป็นอาวุธปืนของทางราชการ ก็จะต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ว่าใครเป็นคนเบิกมาใช้ โดยจะตรวจสอบย้อนหลังไปถึงสาม ผกก. ถ้าพบความผิดก็จะต้องลงโทษตามระเบียบทางราชการ ในส่วนของ ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม ทางผบช.ภ.8 ได้มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภาค 8 เนื่องจากปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในพื้นที่

ส่วนที่ ด.ต.อรรถพร ส่งข้อความไลน์ไปหาคนใกล้ชิดและประกาศจะยอมตายนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมต้องปฎิบัติตามขั้นตอน ถ้าหากเกิดการประทะ เนื่องจากคนร้ายยังมีอาวุธทั้งอาวุธปืนสงครามและปืนสั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปฎิบัติตามขั้นตอน เพราะคนร้ายเป็นตำรวจและก่อเหตุกับชาวบ้าน