ทุกข์ชาวปราจีนฯ!โขลงช้างป่าอ่างฤาไน แปดริ้วบุกข้ามฝั่งยึดป่าอ้อยหากิน


ปราจีนบุรี -ร้องทุกข์ชาวบ้าน!... โขลงช้างป่าอ่างฤาไน แปดริ้วบุกข้ามฝั่งยึดป่าอ้อยหากิน - พังรั้วชาวบ้านยาวตั่งแต่ปีเก่า65 ปีใหม่66 แล้วไม่ยอมกลับคืนถิ่นเดิม
ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านพบโขลงช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในป่าราบต่ำผืนสุดท้ายพื้นที่ป่ารอยต่อ5จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง) จำนวน16ตัว(บวก) เข้ามายึดป่าอ้อย ของชาวบ้านหมู่ที่ 18 บ้านโนนจินดา ต.ท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นแหล่งอาหาร
จากการใช้โดรนบินสำรวจ พบว่าในป่าอ้อยของชาวบ้านพบ โขลงช้างป่านับได้ 16 ตัว กำลังหากินอยู่ในป่าอ้อยและยึดป่าอ้อยของชาวบ้านเป็นที่พักอาศัย สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก
นายธำรงศักดิ์ จาบกุล สารวัตรกำนันตำบลวังท่าช้างกล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเห็นฝูงช้างเข้ามาอาศัยหากินอยู่ในป่าอ้อยหลังหมู่บ้าน จึงรายงานให้นายวัชรธรรม พรมสามสี กำนันตำบลวังท่าช้างทราบ และประกาศแจ้งเตือนให้ชาวบ้านระวังฝูงช้างป่าพร้อมทั้งประสานกับอบต.และชุดผลักดันช้างป่าอ่างฤาไนและจิตอาสาทำการผลักดันฝูงช้างป่า หลังจากผลักดันฝูงช้างป่าออกจากพื้นที่ฝูงช้างป่าก็ย้อนกลับมาอยู่ที่เดิม ซึ่งมีแหล่งอาหารสมบูรณ์และมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ช้างกลับมาหากินในป่าอ้อยของชาวบ้าน
ด้านนางสาวสุพัตรา แสนเงิน กล่าวว่า ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองกับสามีและเพื่อนบ้านเฝ้าระวังช้างป่าอยู่สวนปาล์ม และได้รับโทรศัพท์จากลูกชายว่าเวลา05.00น.ที่ผ่านมามีช้างป่าตัวใหญ่พังประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านเข้ามากัดกินต้นกล้วย5ต้น และช้างได้มายืนอยู่หลังบ้านและกินน้ำในกระแป๋งหลังบ้านแล้วเดินจากไป
นายเจตมงคล แสนเงิน 15 ปี ลูกชายของนางสาวสุพัตรากล่าวว่าเห็นช้างเดินกินต้นกล้วยรอบบ้านแล้วเงียบเสียงลง เปิดประตูหลังบ้านออกมาดูพบว่าช้างเดินมาทางประตูหลังบ้านจึงรีบปิดประตูหนี เย็นวานนี้พบว่า มีช้างป่ามาซุ่มมองดูอยู่หลังบ้านหลายตัวและช้างก็พากันเดินหนีไป กระทั่งรุ่งสางที่ผ่านมามีช้างป่าตัวใหญ่พังประตูรั้วหน้าบ้านแล้วเดินกัดกินต้นกล้วยข้างบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า พบมีการโพสต์ใน LINE กลุ่มของอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดลัอมทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทสม.)โดยผู้ใช้ชื่อว่า "สุนทร คมคาย" เป็นคลิปภาพโขลงช้างป่า จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน แปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา (ในผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภ่คตะวันออ จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรีและ จ.ระยอง) รวม จำนวนมากกว่า 8 ตัว กำลังยกโขลงหากินอยู่กลางป่าอ้อย อย่างอิ่มหนำสำราญ-สบายอารมณ์ในพื้นที่ หมู่บ้านวังกวางหมู่11ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
และข้อความระบุว่า ... ปุ๋ยกระสอบละ1,700ยากระติกละ1,000เจอแบบนี้เข้าไป มันก็จะไม่ไหวนะครับ
ได้พบกับ นายสุนทร คมคาย แกนนำวิสาหกิจชุมชน และอาสาสมัครเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า ต.เขาไม้แก้ว อ. กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า โขลงช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขา อ่างฤาไน ในผืนป่าราบต่ำแห่งสุดท้ายในป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออกจ.ฉะเชิงเทรา จ.สระแก้ว จ.จันทบุรี จ. ชลบุรี จ.ระยอง ได้เข้ามาหากินไร่อ้อยของเกษตรกรนายต๋อย ตะเภาพงษ์ อดีต ผญบ. หมู่ 11 บ้านวังกวาง ต.วังท่าช้าง อ. กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีที่กำลังให้ผลผลิตได้รับความเสียหายทั้งแปลงมากกว่า 10 ไร่เศษโดยผงช้างป่าที่พบรวมจำนวนมากกว่า 8 ตัวบวกพากันยกโขยงแยกฝูงพากันออกมาหากินมาจากแหล่งที่อยู่อาศัยที่บริเวณสวนป่ายูคาลิปตัสที่ถูกปล่อยรกร้างว่างเปล่าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่หมดสัญญาการทำสัมปทานจากกรมป่าไม้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื้อที่รวมมากกว่า 2,000 ไร่ ตั้งแต่ช่วงสมัยอดีตพลตรีสนั่น หรือเสธฯหนั่น ขจรประศาสตร์อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์
ที่มี โขลงช้างป่าได้เข้ามาอาศัยอยู่ราวกว่า 20 ตัวบวกซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงวันที่ 26 -27 ธ .ค 65 โขลงช้างป่ารวมจำนวนกว่า 130 ตัวบวกได้ข้ามฝั่งจากแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา มา มาหากินและ อาศัยอยู่ ในสวนป่ายูคาลิปตัสร้างดังกล่าว
ทางชุดผลักดันช้างป่าเขตรักษาพันธุ์เขาอ่างฤาไนร่วมกับอาสาสมัครฯ ได้ผลักดันกลับคืนถิ่นเดิม แต่ยังเหลือๆของทางฝังอีกบ้านวังกวาง รวมกว่า 20 ตัว(บวก)ดังกล่าว
โดยในแต่ละวัน โขลงช้าง จะพากันยกโขยง มาหากินไร่อ้อยของผู้ใหญ่ต๋อย เคยเข้ามาหากินยกแปลงเสียหายทั้งหมดมาก่อนหน้าหมดเกลี้ยงมาแล้วแปลงหนึ่ง
แม้นทุกๆคืน ทางผู้ใหญ่ต๋อย-ลูกน้อง จะนำรถไถเข้าไปทำการผลักดัน โขลงช้างป่า ก็ไม่ไปไหนไกลไปๆมาๆ ระยะระหว่าง ต.วังท่าช้างกับต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พื้นที่ติดต่อกัน
ไม่ยอมยกโขลง กลับคืนผืนป่าราบต่ำฯ ถิ่นที่อยู่ดั้งเดิม ที่ป่า แปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา นายสุนทร กล่าว
และ กล่าวต่อไปว่า ขอ "เสนอแนวทาง เพื่อแก้ไขแหล่งอยู่อาศัยของโขลงช้างป่า ที่เข้ามาใช้สวนป่ายูคาลิปตัสร้าง ที่ครบสัมปทานไปแล้วนี้
เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางรัฐบาลฯหรือกรมป่าไม้ จะมอบหมายอำอาจทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) ได้เข้าไปดูแล-จัดสรรให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์ในการทำการเกษตรต่างๆ(?) นายสุนทร กล่าว
ด้าน นาย ธนเกียรติ ไชยราษฎร์ อาสาสมัครเฝ้าระวังช้างผลักดันช้างป่าเครือข่ายต.วังท่าช้าง กล่าวว่า จากปัญหาช้างป่ามากกว่า 130 ตัว(บวก)ยกโขยงโยกย้ายถิ่นหากินมักข้ามเข้ามาหากินฝั่ง อ.กบินทร์บุรี ใน ต. วังท่าช้าง ต.เขาไม้แก้วฝั่ง อ. ศรีมหาโพธิในต.หว้าเอนต่อว่าเอนนั้นกลุ่มจิตอาสาอาสาสมัครในแต่ละพื้นที่ได้ตื่นตัวในการแก้ไขอาทิจัดซื้อโดรน บินตรวจหาที่อยู่การเคลื่อนที่ของช้างเพื่อผลักดันวางแผนในชุมชนตนเอง
แต่มีปัญหาหรือผลการกระทบตามมาจากช้างป่าประการหนึ่งคือความขัดแย้งระหว่างคนกับคน ในพื้นที่ถิ่นดั้งเดิมของช้างป่าคือแปดริ้วกับพื้นที่ถิ่นโยกย้ายเข้ามาทำกินใหม่จ.ปราจีนบุรี
กล่าวคือหากช้างเข้าข้ามเข้ามาทางปราจีนบุรีสร้างผลกระทบบ้านเรือนที่อยู่อาศัยพื้นที่ทางการเกษตรชุดผลักดันช้างป่าจะทำการผลักดันให้ช้างกลับคืนผืนป่าถิ่นเดิมแต่คนถิ่นเดิมเองก็ไม่ต้องการช้างที่ทำความเสียหายให้กับทรัพย์สิน-ชีวิตบ้านเรือนตลอดจนเลือกสวนไร่นาในฝั่งตนเองเช่นกัน
เมื่อช้างป่าถูกผลักดันกลับคืนถิ่นผืนป่าอาศัยเดิม ทั้งจุดประทัด ใช้ผู้คน จิตอาสาฯผลักดันมาอีกฝ่าย ที่ก็ไม่ต้อนรับช้างให้ผ่านกลับคืนก็ต่อต้านผลักดันกลับคืนโต้ตอบ
ซึ่งเมื่อเป็นข้อขัดแย้งของคนกับคน ที่ต่างฝ่ายต่างมีปืนและต่างฝ่ายต่างก็ไม่ต้องการให้ช้างป่าเข้าพื้นที่ของตนเองแล้วอาจเป็นอันตราย- โศกนาฏกรรม ติดตามมา
ได้เสนอให้ทางอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ(ทสม.)ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนัดประชุมแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอีกรอบ
ต้องการให้ประสานทั้ง 2 จังหวัด 4 ตำบลนี้จ.ปราจีนบุรีมี ต.เขาไม้แก้วกับต. วังท่าช้าง แปดริ้วหรือ จ.ฉะเชิงเทรามี ต.ท่ากระดานกับ ต.ทุ่งพญา
ต้องรวมกันให้ได้เพราะต่างคนต่างจุดประทัดผลักดันช้างตามคนต่างพกปืนและไม่ต้องการให้ช้างเข้าพื้นที่"นายธนเกียรติกล่าวในที่สุด
มานิตย์ สนับบุญ/ ปราจีนบุรี รายงาน