หนุ่มใหญ่อุ้มไก่แจ้งความเอาผิดเพื่อนบ้านใช้หนังสติ๊กยิงเข้าที่น่องจนขึ้นตีไม่ได้

หนุ่มใหญ่อุ้มไก่แจ้งความเอาผิดเพื่อนบ้านใช้หนังสติ๊กยิงเข้าที่น่องจนขึ้นตีไม่ได้





ad1

อุทัยธานี-หนุ่มใหญ่อุ้มไก่พันธุ์พม่าตัวเก่งแจ้งความตำรวจสภ.ลานสัก หลังเพื่อนบ้านใช้หนังสติ้กยิงเข้าที่น่องขา ไก่เจ็บขึ้นตีไม่ได้

เมื่อเวลา 12.00.น.ของวันที่ 04 ก.ค..65 ผู้สื่อข่าวรายงานที่สถานีตำรวจภูธรลานสัก หลังได้รับการร้องเรียนจากนายสุชาติ ศรีสมบัติ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 329 ม.11 บ้านวังหน้าศาล ต.ประดู่ยืน อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี พร้อมนายสุชาติ สว่างศรี อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของไก่พันธุ์ตัวจริงชื่อ (เจ้าสา) ที่ตนเองนั้นได้ขอยืมไก่(เจ้าสา)มาเป็นพ่อพันธุ์หรือเพาะพันธุ์บ้านของตนเอง เนื่องจากเป็นไก่ตีเก่ง

นายสุชาติ ศรีสมบัติ เปิดเผยว่าเมื่อวันพุธที่ 29 มิ.ย..65 ที่ผ่านมาช่วงเช้าเวลา 10-11 น.ได้มีเพื่อนบ้านรายหนึ่งชื่อนายเดี่ยว(ขอสงวนนามสกุล)ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านตนเอง ระหว่างเกิดเหตุ ตนเองได้ออกไปทำงานข้างนอกบ้านเหลือเพียงแม่ของตนเองนั้นอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง จังหวะนั้นได้เห็นนายเดี่ยวใช้หนังสติ๊กกระสุนเป็นลูกเหล็ก ยิงเข้ามาที่บ้านของตนเอง แล้วโดนตัวไก่พันธุ์ตัวเก่งชื่อ(เจ้าสา) จนทำทำให้เจ้าสาได้รับบาดเจ็บที่ขาน่องซ้าย ต่อมาแม่ของตนเองก็ได้ตะโกนไปว่ามายิงไก่ทำไม หลังจากนั้นนายเดี่ยวก็วิ่งหายไป เจ้าสาเป็นพันธุ์พม่าน้ำหนัก 3 กิโลกรัม อายุเกือบ 2 ปี หากตีเป็นราคาเงินไม่สามารถประเมินราคาได้ เนื่องจากเจ้าสานั้นได้ขึ้นตีชนะมาหลายครั้ง

ล่าสุดนายสุชาติ ศรีสมบัติ พร้อมนายสุชาติ สว่างศรี ได้เข้าแจ้งความที่สภ.ลานสัก เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐาน กับ ร.ต.อ.เอกชลิต หนุนพงษ์ รองสว.(สอบสวน)สภ.ลานสัก เนื่องจากที่ผ่านมา ทางนายเดี่ยวที่ใช้หนังสติ๊กลูกกระสุนเหล็ก ยิงไก่แล้ว ก็ไม่เคยมาชดใช้ค่าเสียหายให้กับทางฝั่งของตนเอง ทั้งนี้ตนเองอยากให้นายเดี่ยวมาชดใช้ค่าเสียหายตามที่ตกลงกันไว้ ด้วยราคา 5,000 บาท เพื่อเป็นค่ารักษา พร้อมกับพาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อจำลองเหตุการณ์ที่บ้านของตนเอง

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายเดี่ยว เพื่อถามเรื่องราวจากสาเหตุ นายเดี่ยวเปิดเผยว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจที่จะยิงโดนไก่ ตนเองตั้งใจจะยิงกระรอกแต่ดันพลาดไปโดนไก่ ทั้งนี้ตนเองก็ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายเพื่อขอชดใช้และค่ารักษาไก่เป็นเงินทั้งหมด 3,000 บาท ส่วนอีกฝ่ายก็ยินดีรับเงิน 3,000 บาท ดังกล่าว