คลื่นทะเลซัดหินภูเขาไฟเกลื่อชายหาดสงขลา-นราธิวาส-ปัตตานี-นครศรีฯ
สงขลา-พบ “หินภูเขาไฟ” ถูกคลื่นซัดกระจายเกลื่อนตลอดแนวชายฝั่งทะเลหลายตำบล จ.สงขลา และพบชายทะเล จ.นราธิวาส ปัตตานี และ จ.นครศรีธรรมราช ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตราย และไม่ส่งผลกระทบกับน้ำทะเลและสัตว์น้ำ ยังไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ สันนิษฐานจากระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล ส่งตรวจสอบสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 จ.สุราษฎร์ธานี
ที่ จ.สงขลา พบหินขนาดเล็กถูกคลื่นซัดขึ้นมากองรวมกันอยู่เป็นจำนวนมากตลอดแนวชายฝั่งทะเลฝั่งอ่าวไทย จ.สงขลา เช่น ชายหาดชลาทัศน์ ชายหาดแหลมสมิหลา แหล่งท่องเที่ยวของ จ.สงขลา ทำให้บนพื้นทรายตลอดแนวชายหาดกลายเป็นสีดำ กระทบกับสภาพภูมิทัศน์ของชายหาดและประชาชนเริ่มสนใจมาหยิบจับดู
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 16 สงขลา และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างหินที่พบไปทดสอบ และพบว่าเป็นตะกอนหินขนาดเล็ก มีรูพรุน น้ำหนักเบา สีเทาปนเขียว ขนาดอนุภาคตะกอนประมาณ 0.3 -3 เซนติเมตร ลักษณะคล้ายหินพัมมิช (Pumice) หรือที่เรียกว่าหินภูเขาไฟ เป็นหินประเภทหินอัคนีพุ มีลักษณะเนื้อเป็นฟองและเบา ซึ่งเกิดจากการเย็นตัวของหินหลอมเหลวและแร่ธาตุต่างๆ ใต้พื้นโลก
เบื้องต้น สันนิษฐานว่าเป็นหินภูเขาไฟ จากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเล แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุแหล่งที่มาของหินดังกล่าวได้ ต้องส่งตัวอย่างไปตรวจสอบชนิดและองค์ประกอบ ที่สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 4 จ.สุราษฎร์ธานี อย่างละเอียดอีกครั้ง และสำหรับหินที่พบไม่ได้เป็นอันตรายและยังไม่ส่งผลกระทบกับน้ำทะเล และสัตว์ทะเลแต่อย่างใด
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่ากระจายอยู่ทั่วไปตลอดแนวชายหาดฝั่งทะเลอ่าวไทย ของ จ.สงขลา พบมากในพื้นที่ 8 ตำบลชายฝั่งทะเลของอำเภอสทิงพระ ทั้ง ต. วัดจันทร์ บ่อแดง บ่อดาน จะทิ้งพระ กระดังงา สนามชัย ดีหลวง และตำบลชุมพล รวมถึงจากการได้รับรายงาน ยังได้พบในพื้นที่ชายทะเลฝั่ง อ่าวไทยที่ชายหาดบ้านทอน จ.นราธิวาส ชายหาดปะนาเระ จ.ปัตตานี และชายหาดหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และยังมีบางส่วนที่ลอยอยู่ตามผิวหน้าน้ำทะเลด้วย
แต่จะเป็นหินภูเขาไฟคนละชนิดกับที่นำไปใช้เป็นวัสดุรองปลูกพืชผล หรือไม้ดอกไม้ประดับ หรือกรองน้ำ ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟบนบก แต่ที่พบบริเวณชายหาดเป็นภูเขาไฟในทะเลยังมีความเค็ม หากจะนำไปใช้ก็ต้องแช่น้ำนาน ๆ.