ศิษยานุศิษย์แห่อวยพร"พระเทพศิลวิสุิทธิ์"เกจิดังนราฯอายุวัฒนมงคลครบ 84 ปี

ศิษยานุศิษย์แห่อวยพร"พระเทพศิลวิสุิทธิ์"เกจิดังนราฯอายุวัฒนมงคลครบ 84 ปี





ad1

นราธิวาส-เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานร่วมประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมใจเดินทางมาทีวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี เพื่ออวยพรท่านพระเทพศิลวิสุิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธาราและทีปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ที่อายุวัฒนมงคลครบ 84 ปีพร้อมขอพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2565  ด้วย

ที่วัดประชุมชลธารา  ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานร่วมประชาชนในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดีและอำเภอใกล้เคียงต่างพร้อมใจเดินทางเข้ามาทีวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาสเพื่อฉลองอายุวัฒนมงคลครบ 84 ปี พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธาราและทีปรึกษาเจ้าคณะภาค 18  เพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิตแด่พระเทพศีลวิสุทธ์  ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาและเป็นที่พึ่งทางจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่  พร้อมทั้งยังเป็นผู้นำในการสร้างความสามัคคีระหว่างประชาชนโดยไม่มีการแบ่งแยกศาสนา


       
พระเทพศีลวิสุทธิ์ (อ่อน ทนฺตจิตฺโต)เกิดเมื่อ 07 มกราคม พ.ศ.2481 อุปสมบท 16 มิถุนายน พ.ศ.2502 
      
 มีชีวิตอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขวัญและกำลังใจ กลายเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการดำรงชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น พระเทพศีลวิสุทธิ์ (อ่อน ทันตจิตโต) พระเถระอีกรูปหนึ่งที่เป็นหลักชัยและหลักใจของชาวเมืองนราธิวาส อาศัยหลักธรรมแห่งความเมตตาและแนวทางสันติวิธี ให้พี่น้องญาติโยมสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ด้วยความเข้มแข็ง มีชีวิตที่เป็นสุขตามอัตภาพ อัตโนประวัติ 

พระเทพศีลวิสุทธิ์ มีนามเดิม อ่อน ปิ่นพรม เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2481 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บ้านแซะ หมู่ที่ 2 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โยมบิดา-มารดา ชื่อนายเสาร์และนางสุก ปิ่นพรม ในวัยเยาว์ สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดโบราณสถิต อีกทั้งจบมัธยมศึกษาตอนต้น การศึกษานอกโรงเรียน อ.สุไหงปาดี ครั้นมีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เพื่อทดแทนพระคุณบุพการี เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2502 ตรงกับวันศุกร์ แรม 14 ค่ำ เดือน 7 ปีกุน ณ พัทธสีมาวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี

 โดยมีพระครูสุวรรณคุณากร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูพิศิษฐธรรมโชติ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระสมุห์บุญชู เตชวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังอุปสมบท ได้มุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง พ.ศ.2505 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ จากสำนักเรียนวัดประชุมชลธารา ขณะเดียวกัน พระเทพศีลวิสุทธิ์ ยังมีความสามารถพิเศษด้านภาษามลายูท้องถิ่น และมีความรู้ด้านการก่อสร้างและการออกแบบเป็นอย่างดี 

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2506 เป็นเจ้าอาวาสวัดโบราณสถิต พ.ศ.2513 เป็นเจ้าคณะตำบลสุไหงปาดี พ.ศ.2516 รักษาการเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พ.ศ.2517 เป็นเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีและเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2518 เป็นเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พ.ศ.2535 รักษาการเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาสและรักษาการเจ้าอาวาสวัดเขากง ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.ศ.2537 เป็นเจ้าคณะจังหวัดนราธิวาสและเป็นหัวหน้าคณะพระธรรมทูตจังหวัดนราธิวาส 

พระเทพศีลวิสุทธิ์ ยังมีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานคณะสงฆ์ต่างประเทศ พ.ศ.2533 ไปศึกษาดูงานด้านศาสนา ณ ประเทศอินโดนีเซีย, พ.ศ.2535 ไปศึกษาดูงานด้านศาสนา ณ ประเทศศรีลังกา พ.ศ.2541 ไปศึกษาดูงานด้านศาสนา ณ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ.2544 ไปศึกษาดูงานด้านศาสนา ณ ประเทศอินเดียและประเทศเนปาล ครั้งที่ 2 พ.ศ.2548 ไปศึกษาดูงานด้านศาสนาประเทศสาธารณรัฐเวียดนาม อีกทั้งไปศึกษาดูงานและเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ ประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ 

นอกจากนี้ พระเทพศีลวิสุทธิ์ ยังเป็นผู้สนับสนุนในการถ่ายทอดความรู้ด้านวิชาชีพ ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาด้านการเกษตร โดยการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ สนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อจัดตั้งเป็นกลุ่มสหกรณ์การเกษตร สนับสนุนสาขาอาชีพต่างๆ ทั้งงานศิลปหัตถกรรม งานตัดเย็บเสื้อผ้า ช่างซ่อมอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ด้านการบริหารการศึกษา ได้มอบอุปกรณ์การศึกษา มอบทุนการศึกษาและจัดตั้งกองทุนการศึกษา อีกทั้งเป็นกรรมการสถานศึกษาแล้วยังจัดตั้งศูนย์การเรียนชุมชน (กศน.) ห้องสมุดชุมชน ณ วัดประชุมชลธารา 

ด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านเป็นหัวพระธรรมทูตจังหวัดนราธิวาส เป็นวิทยากรพิเศษทั้งในและต่างประเทศ เป็นประธานศูนย์โครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา, เป็นประธานโครงการยุวพุทธสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส เป็นประธานและวิทยากรในโครงการอบรมสามเณรภาคฤดูร้อนจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งยังเผยแผ่กิจกรรมทางพระพุทธศาสนา อีกทั้งเป็นที่ปรึกษาและประสานงานแก่คณะสงฆ์ประเทศมาเลเซีย ด้านสาธารณูปการ เป็นกรรมการสร้างอุโบสถวัดโบราณสถิต วัดประดิษฐบุปผาและวัดปริมังคลาวาส 

และยังดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม ก่อสร้างหอฉันเป็นอาคารปูนเสริมเหล็ก กว้าง 28 เมตร ยาว 42 เมตร ด้านการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ในการพัฒนาชุมชน ใช้ที่ดินของวัดก่อสร้างธนาคารข้าว สร้างศาลาประชาคม ตั้งหน่วยตำรวจชุมชน ตั้งหน่วยบริการประชาชน ให้การสงเคราะห์รับอุปการะเด็ก คนชรา นักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดี แต่มีฐานะทางบ้านยากจน และบริจาคเครื่องอุปโภค-บริโภคแก่ผู้มีฐานะยากจน ท่านยังเป็นผู้ริเริ่มจัดที่ธรณีสงฆ์ที่ว่างเปล่าให้ชาวบ้านได้นำไปใช้ประโยชน์ในทางการเกษตร และการพัฒนาวัดจัดเป็นเขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส รวบรวมโบราณวัตถุ เขียนประวัติความเป็นมา และเขียนประวัติของวัดติดตั้งไว้ภายในวัด ท่านยังเป็นผู้ตรวจการคณะสงฆ์จังหวัดนราธิวาสและการจัดประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองนราธิวาส 

ท่านเจ้าประคุณยังได้รับประกาศเกียรติคุณมากมาย อาทิ ได้รับเสมาธรรมจักรทองคำ ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ในวันวิสาขบูชา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้รับโล่เกียรติยศบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ รวมทั้งได้รับโล่เกียรติยศ คนดีศรีนรา สาขาผู้นำศาสนา จากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พ.ศ.2549 ท่านได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบริหารการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา 

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2517 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอำเภอชั้นโทที่พระครูมงคลคณาบดี พ.ศ.2524 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นนอก พ.ศ.2531 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ พ.ศ.2537 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระอรรถโมลี พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชคุณาธาร ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2549 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพศีลวิสุทธิ์ เนื่องในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี 

ปัจจุบันท่านดำรงค์ตำแหน่งทีปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ด้วยอุปนิสัยที่ตรงไปตรงมา ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก เสมือนใช้แต่อารมณ์เป็นใหญ่ แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาเป็นอย่างสูง เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธและชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม ใครที่ได้สนทนาธรรมกับท่านแล้ว จะเกิดความศรัทธาในปฏิปทาเป็นอย่างยิ่ง

 พระเทพศีลวิสุทธิ์ จึงเป็นพระที่ปฏิบัติธรรมที่พร้อมในทุกด้าน เป็นเบ้าหลอมจิตใจของชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธและนับถือศาสนาอิสลาม มิให้เกิดความแตกแยก ให้รักใคร่สามัคคีกันในฐานะคนไทยด้วยกันอยู่บนพื้นแผ่นดินไทยด้วยกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงจะคลี่คลายบรรเทาลงไป ถ้าทุกคนมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน

แวดาโอ๊ะ หะไร ผู้สื่อข่าวจ.นราธิวาส