ศาลอุทธรณ์เลื่อนอ่านคำพิพากษาแก๊งปาร์ตี้มอมเหล้าพริตตี้สาวลัลลาเบลจนเสียชีวิต แจงยังพิจารณาคดีไม่เสร็จสิ้น นัดใหม่ 17 ม.ค. 66

ศาลอุทธรณ์เลื่อนอ่านคำพิพากษาปมพริตตี้สาวลัลลาเบล

ศาลอุทธรณ์เลื่อนอ่านคำพิพากษาแก๊งปาร์ตี้มอมเหล้าพริตตี้สาวลัลลาเบลจนเสียชีวิต แจงยังพิจารณาคดีไม่เสร็จสิ้น นัดใหม่ 17 ม.ค. 66





ad1


วันที่ 13 ก.ย. 65 จากที่วันนี้ศาลอาญาธนบุรีได้มีคำสั่งนัดฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์คดี การเสียชีวิตของพริตตี้สาว ‘ลัลลาเบล’ ที่นายรัชเดช หรือ น้ำอุ่น วงศ์ทะบุตร อายุ 26 ปี, นายชัยพล หรือ คิว พรรณนา อายุ 30 ปี เจ้าของงานปาร์ตี้บ้านย่านบางบัวทอง, นายนที หรือตี๋ สถิตพงษ์สถาพร อายุ 34 ปี, นางสาวพิกุลทอง หรือ เฟิร์ส บุญภา อายุ 25 ปี แฟนสาวนายคิว, นายกฤษฎา หรือ โนบิ โลหิตดี อายุ 28 ปี และนายโกเศศ หรือ ปิงปอง ฤทธิ์นิธิฤกษ์ อายุ 36 ปี เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ 
.
ในความผิด 4 ข้อหาฐานเป็นซ่องโจร, พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
.
โดยวันนี้จำเลยทั้ง 1-6 พร้อมทนายความ ได้เข้าฟังคำพิพากษาตามนัด แต่ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ ไปเป็นวันที่ 17 มกราคม 2566 โดยศาลให้เหตุผลว่าการพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ
.
นายเทพพิทักษ์ พฤกษาสิทธิโรจน์ ทนายจำเลยที่ 2-4 เปิดเผยว่า เนื่องจากคดีมีรายละเอียดมาก จำเลยแต่ละคนมีพฤติการณ์ในคดีต่างกัน ศาลจึงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา ในส่วนจำเลยที่ตนเองทำคดีนั้นก็จะพยายามต่อสู้ในทั้งเรื่องของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ว่าไม่ได้มีเจตนาทำให้เกิดเหตุจนน้องลัลลาเบลต้องเสียชีวิต ซึ่งข้อหาให้การสนับสนุนการกระทำผิด ก็ถือเป็นประเด็นหลักประเด็นหนึ่งในการต่อสู้คดี ที่ต้องพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่าไม่ได้มีเจตนา ส่วนเรื่องจำนวนเงินค่าชดใช้ค่าสินไหมแก่โจทก์นั้น ยืนยันว่าทางฝ่ายจำเลยมีเจตนาที่จะมอบเงินดังกล่าวให้แก่ญาติผู้เสียหาย แต่ก็ต้องพิจารณาจำนวนเงินให้มีความเหมาะสมกว่านี้
.
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกนายรัชเดช จำเลยที่ 1 ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย เป็นบทที่มีโทษหนักสุดให้จำคุก 8 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-6 ให้ลงโทษฐานเป็น ผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิดดังกล่าว จำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน และให้จำเลยทั้ง 6 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมแก่โจทก์รวม 748,660 บาท