พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง คดีของนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ถูกโทษวินิจฉัยผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงและตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ต้องอยู่กันด้วยกฎหมายเพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวัง วันนี้คิดว่าหลายอย่างเกิดบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมาแล้วนี่คือการเปลี่ยนแปลงเพราะฉะนั้นทุกคนต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนต้องระมัดระวังไม่ใช่เฉพาะแค่นักการเมืองเท่านั้น ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย อะไรที่ทำมาแล้วผิดก็ต้องรู้ตัวเองอยู่แล้ว ต้องแก้ปัญหาให้มันถูกต้องยืนยันไม่ได้เอาเป็นเอาตาย และไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ได้เป็นเรื่องที่นายกฯไม่ดำเนินการเพราะเรื่องนี้ถูกฟ้องร้องมาแล้ว เป็นกลไกของกระบวนการยุติธรรม ที่ทำงานไป นี่คือการให้ทุกคนทุกส่วนได้ทำงานตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ออกไปทุกพื้นที่
ส่วนอนาคตของพรรครวมไทยสร้างชาติภายหลังจากที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ก่อตั้งพรรค มีกรณีคลิปเสียงออกมานั้น นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่ากลายเป็นคดีหรือยัง ทำผิดทำถูกพิสูจน์ได้หรือยังยืนยันตนไม่ได้แก้ตัวแทน เพียงแค่ให้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบไป ดูว่าที่ทำมา แก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่งแล้วซึ่งนายเสกสกล ก็ยอมรับการตรวจสอบ เป็นเรื่องของ กรรมาธิการที่เรียกไปตรวจสอบและตรวจสอบตามหลักฐานข้อเท็จจริงไปทั้งนี้กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่มีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน ก็ต้องตรวจสอบตัวเองด้วย ทุกคนที่มีคดีอยู่ทั้งหมด
พลเอกประยุทธ์ ปฏิเสธว่า กรณีนายพีรพันธุ์ สารีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติว่า เป็นเรื่องของนายพีรพันธุ์ ไม่ใช่เรื่องของตน ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยนั้น พลเอกประยุทธ์ ถามกลับว่าสามารถเสนอชื่อได้กี่พรรค เสนอได้พรรคเดียวใช่หรือไม่ และตอนนี้ตนอยู่กับพรรคไหน
โดยนักข่าวตอบว่า พรรคพลังประชารัฐ ทำให้พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า “โธ่ ถามเองก็ตอบเอง” ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นชื่อเดียวหรือไม่นั้นให้หัวหน้าพรรคเป็นคนตอบ เพราะเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที