รอง ผบช.น.ย้ำเหตุสกัดยิงแก๊งค์โอรสบนถนนเพชรเกษมย่านบางแค

รอง ผบช.น.ย้ำเหตุสกัดยิงแก๊งค์โอรสบนถนนเพชรเกษมย่านบางแค

รอง ผบช.น.ย้ำเหตุสกัดยิงแก๊งค์โอรสบนถนนเพชรเกษมย่านบางแค





ad1

รอง ผบช.น.ย้ำเหตุสกัดยิงแก๊งค์โอรสบนถนนเพชรเกษมย่านบางแค เป็นไปตามยุทธวิธี หัวหน้าชุดผู้ปฏิบัติการประเมินแล้ว หากไม่ลงมือยิงสกัดอาจเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่​ พร้อมเผย​  ดีเดย์จันทร์นี้เปิดตู้เซฟขุมทรัพย์ผับลับจิงหลิง 

วันนี้​ 29​ ต.ค.65 ที่​ กองบัญชาการตำรวจนครบาล​ หรือ​ บชน.​ พล ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.แถลงถึงกรณี ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 7 ทำการปิดล้อมจับกุม ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด บริเวณ ถนนเพชรเกษม แยกเดอะมอลล์บางแค ในช่วงเย็นวานที่ผ่านมา จนเกิดเหตุปะทะยิงกันสนั่นเมือง และเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รถประชาชนซึ่งสัญจรอยู่บนถนนเพชรเกษมได้รับความเสียหาย 5 คัน ซึ่งภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีกล้องหน้ารถของประชาขนสามารถบันทึกภาพไว้ได้ และแพร่หลาอยู่ในโซเชียลมีเดียทันที หลังปฏิบัติการดังกล่าวจบสิ้นลง 

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากกรณีที่ ตำรวจใ่ายสืบสวนสนกองบังคับการตำรวจนครบาล7 ขยายผล จับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด ของ สน ศาลาแดง ซึ่งจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และผู้ต้องหาก็ซักทอดไปยัง กลุ่มผู้ต้องหาอีก 3 คน  คือ นายชนทัต (ชะ-นะ-ทัด)/ นายวินิต และนายประพัฒน์ ต่อมาตำรวจได้เฝ้าสังเกตุพฤติกรรมของทั้งสามเรื่อยมาจนกระทั่งพบข้อมูลชัดเจนว่าทั้งสามคนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด จึงขออนุญาติหมายจับในข้อหาสมคบกันเกี่ยวกับยาเสพติด และ ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น เป้าหมาย รวม 4 จุด  บริเวณเขตพื้นที่ สน.หลักสอง 1 จุด /สน.บางเสาธง 1 จุด และบางกรวย นนทบุรีอีก 2 จุด โดยในระหว่างที่ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านพุทธมณฑล ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวินิตและนายประพัฒน์ ได้ ขณะที่นายชนทัต หัวโจกใหญ่ไหวตัวหลบหนีขึ้นรถฮอนด้าHRV ขับหลบหนีเข้าถนนเพชรเกษม ซึ่งตำรวจที่ปักหลักอยู่ประมาณ 10 นายจำเป็นต้องแสดงตัว เพื่อดำเนินการจับกุม แต่ผู้ต้องหากลับขับรถชนตำรวจปละขับรถชนรถประชาชนเพื่อเปิดทางหลบหนีการจับกุม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องใช้มาตรการสกัดกั้นการหลบหนีและป้องกันการสูญเสีย ของประชาชนบนท้องถนน ตำรวจจึงยิงล้อรถของผู้ก่อเหตุ แต่ก็ยังขับรถฝ่าวงล้อมไปได้

หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถไปจอดทิ้งไว้ ที่ลานจอดรถศรีเวช เขตภาษีเจริญ เบื้องต้นจากแนวทางการสืบสวนเชื่อได้ว่า นายชนทัตยังคงกบดานในพื้นที่ กทม. จากการสอบประวัติพบว่าผู้ต้อวหาทั้ง 3 คนถือเป็นตัวการของขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ และเป็นสมาชิกระดับหัวของแก๊งค์โอรส ที่ผ่านมาผู้ต้องหา ไม่เคยแตะต้องยาเสพติดทำหน้าที่ควบคุมสั่งการเท่านั้น 

อย่าวไรก็ตามระหว่างเข้าค้นบ้านพักทั้ง 4 จุดพบยาเสพติด เป็น ยาไอซ์ 17 กิโลกรัม ยาอีผง 18 กรัม อีเม็ด 235 เม็ด ยาไฟฟ์ไฟล์ และแฮปปี้วอเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง 

นอกจากนี้ทั้งสามคนยังมีประวัติยาเสพติดยาวเป็นหางว่าว รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ในฐานะผู้บังคับบัญชาของแสดงความเสียใจกับประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของตำรวจเพราะหากตำรวจไม่ตัดสินใจลงมีดังกล่าวอาจเกิดความสูญเสียมากกว่านี้ก็เป็นได้  พร้อมยืนยันว่าตำรวจได้รวบรวมความเสียหายของประชาชนไว้ในสำนวนเพื่อดำเนินคดีอาญากับนายชนทัตและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งให้ผู้เสียหาย ยืนยันตำรวจจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ แต่เหตุการณ์นี้ความเสียหายไม่ได้เกิดจากการกระทำขอวตำรวจแต่เป็นการกระทำขอวผู้ต้องหา อยากให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของตำรวจด้วย พร้อมฝากถึงนายชนทัตว่า หากดูข่าวอยู่ให้จดจำหน้าตนและพ.ต.อ. เจษฎา สวยสม รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ไว้ให้ดี  ถ้าเจอตำรวจแล้วใช้อาวุธตำรวจก็จะพิจารณา ดำเนินการตามขั้นตอนซึ่ง ตนยอมรับว่าเป็นห่วงเพราะฉะนั้น ให้แสดงตัวหรือมอบตัวจะดีกว่า พร้อมย้ำว่า เป็นห่วงจริงๆ 

นอกจากนี้​  พลตำรวจตรี  รองโฆษก​ บขน. ยังได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกับตู้เซฟ 5 ตู้ที่ยึดได้จากผับจินหลิงและลีลาย่านยานนาวา ซึ่งขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่สน. ยานนาวา 3 ตู้ เก็บรักษาไว้ที่ผับจินหลิงอีก 2 ตู้ โดยหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้ออกประกาศให้เจ้าของและผู้ดูแลมาติดต่อแสดงความเป็นเจ้าของเพื่อให้ดำเนินการเปิดตู้ให้ตรวจสอบหรือร่วมตรวจสอบในฐานะพยาน แต่ผ่านมาเป็นเวลาหลายวันกลับไม่มีเจ้าของหรือบุคคลใดมาแสดงตัว จึงจำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทผู้ผลิตตู้เซฟมาดำเนินการเปิดตู้ให้ตรวจสอบแทน โดยในวันจันทร์ที่จะถึงนี้พนักงานสอบสวนได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานผู้ปิดผนึกตู้เซฟและเซ็นกำกับมาตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงและความถูกต้อง ก่อนจะให้ผู้เชี่ยวชาญของบริษัทผู้ผลิตตู้เซฟทั้ง 5 ใบดำเนินการเปิดออกให้ตรวจสอบ โดยจะเริ่มดำเนินการที่ตู้เซฟ 3 ใบซึ่งเก็บรักษาไว้ที่สน. ยานนาวาก่อน จากนั้นจึงไปเปิดตู้เซฟอีก 2 ตู้ที่อยู่ภายในผับ 

ทั้งนี้คาดว่าสิ่งที่อยู่ภายในตู้เซฟน่าจะเป็นทรัพย์สิน ยาเสพติดประเภทต่างๆที่ทางร้านเตรียมมาจำหน่ายและที่รับฝากไว้ รวมถึงสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆที่อาจเก็บรักษาอยู่ภายในตู้ ทั้งนี้หากเป็นยาเสพติดก็จะนำไปตรวจสอบสารประกอบว่าเป็นชนิดเดียวกับที่พบภายในผับจุดอื่นๆหรือไม่ ก่อนจะส่งให้สำนักงานปปสตรวจสอบหาสารประกอบและคุณภาพของยาเสพติดเพื่อหาแหล่งที่มา ซึ่งจากการคาดการณ์เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นยาเสพติดที่ถูกผลิตในต่างประเทศก่อนลักลอบขนส่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย และอาจมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องยังคงกบดานอยู่ภายในประเทศซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม