คึกคัก!! เพื่อไทยปราศรัย เปิดตัวผู้สมัครว่าที่ ส.ส. 5 เขต-พร้อมประกาศทันที 7 นโยบายเด็ด หลังยุบสภา อ้อนแลนด์สไลด์
พรรคเพื่อไทย แลนด์สไลด์
29 ม.ค. 2566 ที่ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อม ส.ส. และสมาชิกพรรค จัดปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทย #แลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น ซึ่งมีพี่น้องประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเข้ามาร่วมฟังการปราศรัยอย่างล้นหลามมากกว่า 10,000 คน
อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ที่เวทีปราศรัยใหญ่พรรคเพื่อไทย #แลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น ณ ลานองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี วันที่ 29 มกราคม 2566
นายอัครนันท์ได้กล่าวในช่วงหนึ่งว่า “ประชาธิปไตยในกาญจนบรีจะเบ่งบานมากขึ้นจากการเลือกตั้ง ผมภูมิใจที่เป็นคนกาญจนบุรีและได้อยู่พรรคเพื่อไทย วันนี้อยากให้พี่น้องกลับบ้านไปบอกคนที่บ้านให้เลือกเพื่อไทย เราอยู่กับรัฐบาลที่ไม่ได้เข้าใจประชาธิปไตย เปลี่ยนแค่ ส.ส.ในเมืองกาญจนบุรีไม่พอ หากต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ต้องเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้ง 5 เขต”
อัครนันท์ ยังกล่าวอีกว่า เป็นคนเมืองกาญจน์โดยกำเนิด ความฝันคือการได้เป็นนักการเมือง ตอนนี้ถือว่าเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว ส่วนที่เหลือจะเติมเต็มให้ได้จากพี่น้องประชาชนทุกคน ปัจจุบันปัญหาของคนเมืองกาญจน์คือเรื่องที่ดินทำกิน ปัญหาการขอน้ำ-ไฟ ใช้ไม่ได้ พี่น้องประชาชนยังประสบปัญหาที่ดินทำกินทับซ้อนที่ราชการ อยู่มานานกลับกลายเป็นคนอยู่อย่างผิดกฎหมาย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจากการลงพื้นที่ ปัญหาที่ทุกข์ใจที่สุดคือที่ดินทำกิน ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงกาญจนบุรีในการเข้าไปปรับปรุงกฎหมายที่สร้างปัญหาให้กับประชาชน
ชูศักดิ์ แม้นทิม ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่ผ่านมาเคยทำงานอยู่ในการเมืองพื้นที่ เป็น ส.จ.มานานกว่า 7 สมัย รู้ว่ากาญจนบุรีเป็นจังหวัดสำคัญทางยุทธศาสตร์การค้า การลงทุน เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน หากได้รับโอกาสจากประชาชนชาวกาญจนบุรี เศรษฐกิจปากท้องที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
พลอย ธนิกุล ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตัวเองมีหัวใจอยากเปลี่ยนการเมืองกาญจนบุรี โดยเฉพาะ เขต 3 เป็นพื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ และที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรม มั่นใจว่านโยบายของพรรคเพือไทยจะช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคตของพี่น้องประชาชนแน่นอน ขอฝากอนาคตของเขต 3 อำเภอท่ามะกา และอำเภอพนมทวน ไว้ในหัวใจของพี่น้องประชาชนให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในอดีตคนกาญจนบุรีสามารถดื่มน้ำในลำห้วยลำคลองได้ แต่วันนี้ต้องซื้อหมด เสียค่าน้ำดื่มวันละ 10 บาทต่อคนต่อวัน เพราะฉะนั้น เพื่อไทยมีนโยบายให้มีน้ำดื่มสะอาดฟรีทุกหมู่บ้าน จะช่วยประหยัดเงิน 300 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 36,000 บาทต่อปี หากมีคน 5 คนต่อครัวเรือน 5 จะสามารถประหยัดได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อครัวเรือนเ
นอกจากนี้ ยังมีแผนจัดทำระบบประปาหมู่บ้าน จากปัจจุบันบางพื้นที่ยังไม่มีน้ำฝช้ หรือมีแต่ไม่สะอาดพอ โดยมีแผนเจาะบาดาลให้มีประปาบาดาลทุกหมู่บ้าน
“ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อไทยมีโครงการสร้างฟลัดเวย์ ตัดทอนน้ำไหลลงเจ้าพระยาที่นครสวรรค์ ซึ่งฝั่งตะวันตกมีผลกับกาญจนบุรี แต่น่าเสียดายที่มันไม่เกิดขึ้น เพราะไม่มีรัฐบาลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานำมาทำ ถ้าทำตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว วันนี้ไม่มีใครจนแล้ว แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยได้บรรจุโครงการฟลัดเวย์ไว้ในนโยบายแล้ว เพื่อให้ชาวกาญจนบุรี มีแม่น้ำไหลผ่านในอำเภอเหล่าขวัญ ท่าม่วง ท่ามะกา จะได้มีน้ำในการทำเกษตรกรรม ปศุสัตว์ มีน้ำเพาะปลูกในฤดูแล้ง มีรายได้มากขึ้นจากการปลูกมันสำปะหลัง ถ้าไม่มีน้ำ สำปะหลังได้ไม่เกิน 3 ตัน ถ้ามีน้ำ ได้ไร่ละ 12 ตัน ถ้าอยากได้ต้องเลือกเพื่อไทย”
ศักดิ์ดา กล่าวด้วยว่า นอกจากมีน้ำเพาะปลูกแล้ว เส้นทางริมแม่น้ำฟลัดเวย์จากราชบุรีไปนครสวรรค์ ผ่านเมืองกาญจนบุรีหรือเดินทางใต้ไปเหนือ กาญจนบุรีก็เป็นทางผ่านเช่นกัน เป็นโอกาสด้านการคมนาคมและการท่องเที่ยว
พนม โพธิ์แก้ว ผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย
กล่าวว่า ยาเสพติดเป็นปัญหาหลักในพื้นที่ เยาวชนลูกหลานเราติดยาเสพติดจำนวนมาก พรรคเพื่อไทยมีนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค ปัญหายาเสพติดหมดไปแน่นอน
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากพี่น้องประชาชนชาวกาญจนบุรีพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อลูกหลาน เพื่ออนาคตของบ้านเมือง และเพื่อความสุขของทุกคน ขอให้เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ครบทั้ง 5 เขต ต้องเปลี่ยนผู้แทนราษฎรและเปลี่ยนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกไป ด้วยการกาเพื่อไทยทั้ง 2 บัตร
มั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากพี่น้องชาวเมืองกาญจน์ และจะสามารถทำงานร่วมกันกับนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย ชนะเลือกตั้ง นายก อบจ.กาญจนบุรี ในระดับท้องถิ่น และผลักดันการเมืองระดับชาติได้ดียิ่งขึ้น แลนด์สไลด์ไม่ไกลเกินเอื้อม
นโยบายที่ประกาศไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หลังยุบสภา พรรคเพื่อไทยจะมี 7 นโยบายเด็ดพร้อมประกาศทันทีหลังยุบสภา จะทำให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์อย่างแท้จริง
ชลน่าน ยอมรับว่า แม้มั่นใจว่าจะแลนด์สไลด์ แต่มีสิ่งที่จะมาปิดกั้น กระบวนการทำลายแลนด์สไลด์ ขอพี่น้องประชาชน พี่น้องเสื้อแดง อย่าหวั่นไหว อย่าตกใจ พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ได้ต้องชนะมาร เป็นเพียงมารผจญเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการแลนด์สไลด์เพื่อนำพาความสุขของพี่น้องประชาชนกลับคืนมา
“ผมลงพื้นที่พบคุณลุงหนึ่งมาเจอผม เปิดเสื้อให้ดูแผลผ่าหัวใจ เขาบอกผมว่า นี่คือผ่าหัวใจ 3 เส้น คาผ่าเส้นละ 10 บาท จากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เมืองกาญจน์เปลี่ยนได้ด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทย จะขับเคลื่อนได้ด้วยนายกรัฐมนตรีที่เข้าใจประชาชน ใครเป็นแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย ผมไม่ต้องประกาศ เพระาประชาชนประกาศแทนผมแล้ว”
แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่าวันนี้ จากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากพี่น้องผู้ประกอบการการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการธุรกิจสินค้าโอทอปต่างสะท้อนเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้เมืองกาญจนบุรีจะเป็นเมืองท่องเที่ยว และประเทศเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวแล้วแต่ธุรกิจต่างๆ ยังคงซบเซา ส่งผลให้พี่น้องชาวเมืองกาญจนบุรียังคงใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
แพทองธาร เสนอว่า หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็อยากจะผลักดันให้เมืองกาญจนบุรี เป็นจุดมุ่งหมายสำหรับชาวต่างชาติในการท่องเที่ยวประเทศไทย กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของการท่องเที่ยวเที่ยวในสายตานานาชาติ
แพทองธารยังกล่าวถึงปัญหาที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัญหาหลักของพี่น้องชาวเมืองกาญจนบุรี จำนวนมาก เนื่องจากพบว่าที่ดินยังถูกผูกอยู่กับกฎหมายที่เป็นบทเฉพาะการตั้งแต่สมัยสงครามโลก ซึ่งสิทธิที่ทำกินไม่ชัดเจน ชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างมาก
เมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับฟังปัญหาเช่นนี้แล้ว ก็พร้อมจะนำข้อมูลไปพัฒนาเป็นนโยบายเพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวเมืองกาญจนบุรีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องโยกย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างถิ่น สร้างเศรษฐกิจระดับจังหวัดให้เข้มแข็ง และทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน กาญจบุรีแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด
แพทองธารยังยืนยันว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล นโยบายค่าแรง 600 บาท/วัน และค่าแรงปริญญาตรีขั้นต่ำ 25,000 บาท เป็นไปได้จริงอย่างแน่นอน พร้อมย้ำกับพี่น้องประชาชนว่า หากยุบสภาเมื่อไหร่ พี่น้องเตรียมรอนโยบายเด็ดๆ จากพรรคเพื่อไทยที่จะมาช่วยให้คนไทยทุกคนได้ลืมตาอ้าปาก ปากท้องดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามมาแน่นอน
“เพราะพรรคเพื่อไทยทำพรรคการเมือง โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เราทำนโยบายที่เป็นศูนย์กลาง เพื่อนำความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้งในการทำทุกนโยบาย”
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พี่น้องชาวเมืองกาญจนบุรี มาฟังปราศรัยกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีให้กับพรรคเพื่อไทย เชื่อในนโยบายเพื่อไทยว่าทำได้จริง เพราะตลอด 8 ปีที่เราอยู่กับรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ราคาสินค้าทุกอย่างขึ้นราคา ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส เว้นแต่ราคายาเสพติดที่ถูกลงรวมถึงกัญชาก็หาได้ง่าย
นโยบายพรรคเพื่อไทยดูแลทั้งสุขภาพ และเศรษฐกิจของพี่น้อง เรามีนโยบาย 30 บาท รักษาด้วยบัตรประชาชนใบเดียวได้ ผู้หญิงฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก พี่น้องผู้ใช้แรงงานเรามีค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาทภายในปี 2570 ซึ่งเราคิดมาก่อนที่พวกเขาจะวิจารณ์เสียอีก เพราะเรามองทั้งระบบและเห็นว่า ถ้าเราเป็นรัฐบาลและสามารถผลักดันเศรษฐกิจโดยภาพรวมให้เติบโตอย่างน้อยร้อยละ 5 ของจีดีพีต่อปี แค่ 4 ปี ผู้ประกอบการร้านค้าก็จะมีธุรกิจที่แข็งแรง มีกำไรที่อยู่ได้
เมื่อถึงเวลานั้นก็จะกระจายรายได้เป็นค่าแรงให้กับพี่น้องแรงงานอย่างเป็นธรรม และนโยบายที่เพิ่งพูดกันไม่กี่วันมานี้สำคัญคือผู้สูงอายุหากอายุ 60 ปีจะต้องได้เบี้ยบำนาญผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อคน อีกด้วย
“พรรคเพื่อไทย กล้าประกาศนโยบายแข่งกับทุกพรรค เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ว่า เรามีศักยภาพความสามารถไว้เพื่อรับใช้พี่น้อง เวลานี้ท่านอยู่กับรัฐบาลนี้มาแล้ว 8 ปี ถามหัวใจตัวเอง ถามหัวใจชาวกาญจนบุรีว่า เราพร้อมจะเปลี่ยนไปด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน เดินหน้าไปด้วยกันเพื่อแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เอารัฐบาลเพื่อไทยมาแก้ไขเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชน”
