มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯเดินหน้าผ่าต้อกระจกฟรี ! 86 ดวงตา ผู้สูงวัย 50 ปีขึ้นไป


มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดโครงการตรวจสุขภาพตาให้แก่ประชาชนอายุ 50 ปี ขึ้นไป และบุคลากรของมูลนิธิฯ เพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และวาระครบรอบ 86 ปีของการดำเนินงานมูลนิธิฯ จึงได้เดินหน้าจัดโครงการฯ นี้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ร่วมกับโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว ด้วยมีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ส่งต่อการให้คืนสู่สังคม มอบแสงสว่างแห่งการเห็นอย่างยั่งยืนแก่ประชาชนชาวไทย ในวันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.00 - 16.00 น. ณ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
นางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวว่า “มูลนิธิฯได้จัดโครงการตรวจสุขภาพตาเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาขึ้นโดยจัดโครงการตรวจสุขภาพตา เพื่อตรวจคัดกรองและผ่าต้อกระจก จำนวน 86 ดวงตา ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ให้กับประชาชนชาวไทยที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป รวมถึงบุคลากรภายใต้ความดูแลของมูลนิธิฯที่มีอายุ 40 ปี ขึ้นไป เพื่อเป็นการเทิดทูนและแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อเชิดชูพระเกียรติแด่พระบรมวงศานุวงศ์ และเพื่อเสริมสร้างป้องกันสุขภาพตา โดยให้ได้รับการตรวจดูแล รักษาสุขภาพดวงตาให้มีสุขภาพตาที่ดี ป้องกันมิให้เกิดปัญหาทางการเห็นก่อนจะสายเกินแก้ไข
โดยวันที่ 21กรกฎาคม 2568 เริ่มเปิดลงทะเบียนพร้อมกัน เพื่อรับบัตรคิวเข้ารับการตรวจตา ในเวลา 08.00 น. และปิดรับคิวตรวจ เวลา 12.00 น. โดยมีทีมจักษุแพทย์ จากโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว ตรวจคัดกรองต้อกระจก หากแพทย์ได้วินิจฉัยว่าต้องได้รับการผ่าตัดต้อกระจกก็จะถูกรับเข้าเป็นผู้ป่วยในโครงการนี้ จำนวน 86 ดวงตา และดำเนินการนัดหมายเพื่อเข้ารับการผ่าตัดต่อไป โดยทางมูลนิธิฯเป็นผู้ รับผิดชอบค่าผ่าตัดร่วมกับโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว
ดังนั้นจึงอยากเรียนเชิญทุกท่าน หันมาดูแลใส่ใจสุขภาพดวงตาของตนเองและคนที่รัก ชวนคนในครอบครัว มาเข้ารับการตรวจสุขภาพตากันในวันที่ 21 กรกฏาคม 2568 นี้ นอกจากการตรวจสุขภาพตาเพื่อคัดกรองเข้ารับการผ่าต้อกระจก 86 ดวงตาแล้ว ภายในงานยังมีบริการนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ นวด คอ บ่าไหล่ แก้อาการออฟฟิศซินโดรม นวดเท้า ณ ศาลาสุขสัมผัส โดยหมอนวดผู้พิการทางการเห็นของมูลนิธิฯฝีมือดี คอยให้บริการประชาชนผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในวงกว้าง ตามแนวคิดของมูลนิธิฯที่จะไม่ขอเป็นผู้รับเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการเป็นผู้ให้เพื่อกลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืนด้วย”