อัยการพิจิตรลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงแนะนำตำรวจใช้พ.ร.บ.ประกันชีวิตเอาผิดมิจฉาชีพขายประกันหมู่ลวงโลก

อัยการพิจิตรลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริงแนะนำตำรวจใช้พ.ร.บ.ประกันชีวิตเอาผิดมิจฉาชีพขายประกันหมู่ลวงโลก





Image
ad1

แวดวงการศึกษาเมืองชาละวันสะเทือนโครงการประกันชีวิตแบบกลุ่มพบเจอมิจฉาชีพแอบอ้างเข้าขายประกันตามโรงเรียน โป๊ะแตกเมื่อมีเด็กในศูนย์เด็กเล็กประสบอุบัติเหตุขอเคลมค่ารักษาพยาบาล แต่เบิกไม่ได้จริง สุดท้ายพบเจอเป็นมิจฉาชีพขายประกันไม่ได้นำเงินส่งบริษัทจับได้ไล่ทันยอมขอเคลียร์จ่าย 5 หมื่น ขอผู้ปกครองจบๆกันไป นายอำเภอสอบสาวลึกพบอีก 1 โรงเรียนเด็ก 93 ราย ตกเป็นเหยื่อ อัยการ สคช.พิจิตร ลงพื้นที่แนะนำตำรวจงัดใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ประกันชีวิต โทษจำคุก 5 ปี ดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ผู้ว่าฯพิจิตร สั่งทุกโรงเรียนเร่งตรวจสอบทุกกรมธรรม์ หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย

              
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568  นายเอนก  ถนอมจิตร์  อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร  , นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นางสาวสาวิตรี สร้อยอุทา  นายอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร  ลงพื้นที่ศูนย์เด็กเล็ก อบต.หนองพระ สืบหาข้อเท็จจริง ผู้แอบอ้างตนหลอกขายประกัน กลุ่มให้เด็กเล็กและในโรงเรียน ที่ยิ่งสืบยิ่งสอบก็ยิ่งเจอเพิ่มบานปลาย โดยเรื่องเดิมเกิดจากเกิดกรณีเด็ก 3 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรของ นายวิทยาธร นุชคำแสง และ  นางเจนจิรา แก้วรักษา ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ เด็กหญิงปรีญากมล ที่เรียนอยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านยางสามต้น อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ประสบเหตุถูกไฟลวกตามร่างกายจนต้องเข้ารับการรักษาตัวเกือบ 50 วัน บาดแผลฉกรรจ์จนต้องตัดนิ้วเท้าถึง 3 นิ้ว

จากนั้นผู้ปกครองจะขอใช้สิทธิ์เคลมประกันเพื่อเบิกจ่ายค่ายา ค่าชดเชยจากการสูญเสียอวัยวะ ปรากฎว่าเคลมเบิกประกันไม่ได้ สาเหตุเนื่องจากนายหน้าตัวแทนขายประกัน ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเป็นตัวแทนของบริษัทแต่มาแสดงตนหลอกขายประกันให้กับเด็กอายุ 3 ขวบรายนี้ พร้อมกับเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ในศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งตั้งอยู่ภายใน อบต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร จึงได้ลงพื้นที่พบกับพ่อแม่ของเด็กที่ประสบเหตุเล่าให้ฟังว่า ในช่วงปฐมนิเทศผู้ปกครองก็มีบุคคลแสดงตนเป็นตัวแทนบริษัทประกันภัยชื่อดังแห่งหนึ่งมาให้ความรู้เรื่องการประกันกลุ่มกับเด็กๆ ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือสูญเสียอวัยวะร่างกายหรือเสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชย แต่ทุกคนต้องเสียเงินทำประกันแบบกลุ่มคนละ 200 บาท  ซึ่งผู้ปกครองของเด็ก 25 คน ก็ยอมจ่ายเงินซื้อประกันโดยส่งมอบเงินให้กับครูผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็ก เอาเงินไปจ่ายให้นายหน้าขายประกันลวงโลกคนดังกล่าว และได้เห็นแค่เพียงใบเสร็จรับเงินของผู้ซื้อประกัน 25 ราย เป็นเงิน 5,000 บาทเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้รับกรมธรรม์หรือได้เห็น ได้อ่าน กรมธรรม์แต่อย่างใด เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยคิดว่าผู้มาขายประกันคงได้รับการตรวจสอบคุณสมบัติจาก อบต.หรือครูผู้ดูแลศูนย์เด็กเล็กแล้ว

จนกระทั่งลูกสาวได้ไปเที่ยวบ้านญาติแล้ววิ่งเล่นแล้วประสบอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในเตาเผาถ่านถูกไฟลวกเป็นแผลฉกรรจ์จึงรู้ว่าถูกหลอกซื้อประกันกลุ่มและไปแจ้งความ จากนั้นผู้ขายประกันรายนี้ก็นำเงินส่วนตัวมาให้ เป็นเงิน 1,800 ค่านอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 25,000 บาท และเมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นคดีถึงโรงพักตอนนี้ก็จะยอมจ่าย 50,000 บาท เพื่อขอให้จบเรื่อง แต่พ่อแม่ของเด็กก็ไม่ยอมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดรวมถึงฝ่ายปกครองและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประจำจังหวัดพิจิตร ก็เข้าร่วมเป็นผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้วด้วยเช่นกัน

 นางสาวสาวิตรี สร้อยอุทา  นายอำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร  เปิดเผยว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่ใน ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ได้ทำประกันกลุ่มกับนายหน้าคนนี้ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว พอมีเหตุเกิดขึ้นจึงได้รู้ว่าเป็นมิจฉาชีพที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัทประกันภัยในส่วนของความช่วยเหลือเด็กที่ประสบเหตุขณะนี้ นางสาวธนียา  นัยพินิจ ผู้ว่าราชการการจังหวัดพิจิตร มอบหมายให้ นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย พมจ.พิจิตร และ สสจ.พิจิตร ดำเนิการช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว รวมถึงจะส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี ที่กทม. โดย อบจ.พิจิตร มีกองทุนค่าเดินทางให้ ส่วน พมจ. ก็จะหาที่พักให้ผู้ปกครองได้พักในช่วงที่พาลูกเดินทางไปหาหมอที่ รพ.ราชวิถี กทม.อีกด้วย รวมถึงความช่วยเหลืออื่นๆอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่านายหน้าขายประกันเถื่อนรายนี้ก็ได้ไปขาประกันกลุ่มให้กับโรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่ที่ ต.หนองพระ อีกหนึ่งแห่งมีเด็กและผู้ปกครองจำนวน 93 ราย ได้รับความเสียหายจากกระทำดังกล่าวนี้อีกด้วย ล่าสุด นอภ.วังทรายพูน ได้เรียกประชุมผู้บิหารสถานศึกษา 18 แห่ง ของ อ.วังทรายพูน ให้เร่งตรวจสอบเรื่องประกันกลุ่มนี้แล้วอีกด้วย

เช่นเดียวกับ นายเอนก  ถนอมจิตร์  อัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดพิจิตร  , นายประเสริฐ ใจสนธิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งลงพื้นที่สอบสวนข้อเท็จจริงได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของรูปคดีได้ให้คำแนะนำพนักงานสอบสวนว่าต้องสอบสวนให้รอบด้านว่า นายหน้าขายประกันรายนี้เป็นตัวแทนจริงหรือไม่แอบอ้างบริษัทประกันภัยแห่งใดมีใครบ้างที่มีส่วนรู้เห็นดำเนินการ ได้ประโยชน์จากการขายประกันกลุ่มลวงโลกในครั้งนี้ ซึ่งการดำเนินคดีให้ตั้งเป็นข้อหาฉ้อโกง และใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ประกันชีวิตตามมาตรา 18 ห้ามมิให้ผู้ใดทำการเป็นผู้รับประกันภัยโดยทำสัญญาประกันชีวิตกับบุคคลใดๆ เว้นแต่จะเป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิตห้ามมิให้ผู้ใดใช้กรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทซึ่งตนิได้มีสิทธิใช้ตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา 91 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 18 ต้องระวางโทษจับคุกตั้งแต่สองปีถึงห้าปีหรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและปรับอีกไม่เกินวันละสองหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่/ซึ่งนับได้ว่าโทษหนักกว่าฉ้อโกงปกติดังกล่าวอีกด้วย

โดย...สิทธิพจน์ เกบุ้ย /พิจิตร