ต้นแบบทำนาอินทรีย์“กรียา สุไชยแสง”เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี'68

ต้นแบบทำนาอินทรีย์“กรียา สุไชยแสง”เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปี'68





Image
ad1

“กรียา สุไชยแสง” หญิงแกร่งแห่งเมืองกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้เวลากว่า 30 ปี สะสมประสบการณ์ชีวิตและแปรเปลี่ยนเป็นพลังในการขับเคลื่อนอาชีพทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ จนกลายเป็นแบบอย่างของชาวนายุคใหม่ที่ยึดมั่นในหลักเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถสร้างผลผลิตที่ได้มาตรฐานระดับสากล จนมาสู่รางวัลเกียรติยศระดับประเทศ นั่นคือ รางวัล “เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2568 สาขาอาชีพทำนา” 

กรียา สุไชยแสง เริ่มต้นเส้นทางอาชีพในปี 2533 ด้วยการทำงานเป็นพนักงานโรงงานในกรุงเทพฯ ต่อมาในช่วงปี 2542-2556 ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศไต้หวันและมาเลเซีย เพื่อสร้างรายได้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก่อนจะหวนกลับมาเริ่มต้นสู่การเป็นเกษตรกรในปี 2556 ด้วยการ “ทำนาอินทรีย์" บนพื้นที่ 21 ไร่ โดยน้อมนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการผลิตข้าว เพื่อให้เกิดความมั่นคงในอาชีพและสุขภาพของผู้บริโภค ยึดหลักคิด “พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น สานต่อสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ซึ่งเป็นหัวใจของการทำเกษตรอินทรีย์

พร้อมกันนี้ได้นำแนวทางการอนุรักษ์ธรรมชาติมาใช้ในแปลงนา เช่น ผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ และพืชปุ๋ยสด ใช้แหนแดง และโดรนพ่นสารชีวภาพ เชื้อราไตรโคเดอร์มา บิวเวอร์เรีย น้ำส้มควันไม้ ปรับปรุงแปลงนา ทดแทนสารเคมี รวมถึงการไถกลบตอซัง และปลูกหญ้าแฝกเพื่ออนุรักษ์หน้าดินและสิ่งแวดล้อม

ด้วยความมุ่งมั่นได้นำไปสู่การรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ในชุมชน โดยรวมกลุ่มเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นศูนย์ข้าวชุมชน เมื่อปี 2561 และยกระดับเป็นวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์นาภู ตำบลหนองห้าง ในปี 2562 จากนั้นขยายผลสู่การเป็นผู้ประกอบการจัดตั้ง บริษัท ณภูติณณ์ จำกัด (NPT) ปี 2565 เพื่อบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาด ปัจจุบันมีพื้นที่นาเพิ่มขึ้นจาก 21 ไร่ เป็น 32 ไร่ โดยแบ่งเป็น พื้นที่ทำนา 25 ไร่ และพื้นที่ปลูกไม้ผล พืชผัก บัว และเลี้ยงปลาอีก 7 ไร่ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งสร้างงานสร้างรายได้ และยังเป็นศูนย์เรียนรู้ของชุมชนอีกด้วย

สำหรับกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์คุณภาพ ได้พัฒนาระบบการผลิตที่เข้มงวด จนได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตหลากหลาย ได้แก่ GAP Seed สำหรับเมล็ดพันธุ์ข้าว, Organic Thailand และ ข้าว GI, มาตรฐานเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรป (EU) และสหรัฐอเมริกา (NOP) และเครื่องหมายรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นอกจากนี้ ยังมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าวเพื่อเพิ่มมูลค่า อาทิ ข้าวบรรจุสุญญากาศ โจ๊กข้าวกล้อง ข้าวเกรียบ สแน็คบาร์จากข้าว แป้งข้าว และชาข้าว รวมถึงการอัดฟางก้อนเพื่อสร้างรายได้เสริมจากวัสดุเหลือใช้

นอกจากนี้ กรียา สุไชยแสง ยังได้สร้างเครือข่ายชาวนาในชุมชน โดยทำหน้าที่เป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ การผลิตปุ๋ยชีวภาพ ระบบควบคุมภายในเพื่อการรับรองข้าวอินทรีย์แบบกลุ่ม  การจัดทำบัญชีครัวเรือน และการรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรายอื่นในพื้นที่ โดยสามารถขยายผลให้เกิดกลุ่มนาแปลงใหญ่กว่า 1,620 ราย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 20,000 ไร่

“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ไม่คิดว่าจะได้รับรางวัลนี้ เพราะเป็นเพียงแค่เกษตรกรคนหนึ่งที่มีอาชีพทำนา และมีความภาคภูมิใจในอาชีพ จึงมีความมุ่งมั่นที่รักษาอาชีพนี้ให้เกิดความยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่ หันกลับมาสืบทอดจากเกษตรกรรุ่นเก่าที่สูงอายุ

โดยใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ โดยเป็นการทำงานร่วมกัน 3 รุ่น คือ คนรุ่นใหม่ คนรุ่นเรา และรุ่นคุณพ่อคุณแม่ที่ยังทำงานได้ มาเป็นพี่เลี้ยงถ่ายทอดองค์ความรู้ ภูมิปัญญาดั้งเดิมมาผสานกัน เพื่อให้อาชีพทำนาของเราได้รับการพัฒนาต่อยอด และคงอยู่สืบไป” กรียา สุไชยแสง กล่าว

“กรียา สุไชยแสง” ไม่เพียงเป็นเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในวิถีเกษตรอินทรีย์ แต่ยังเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงของชุมชน ที่พร้อมแบ่งปัน แบกรับ และผลักดันเกษตรกรรมไทยให้ก้าวไกลไปสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน