“สตาร์ก”ผงาดคว้าแชมป์ “ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น”เมเจอร์แรกในชีวิต–“เอรียา”จบที่ 9 ร่วม

“สตาร์ก”ผงาดคว้าแชมป์ “ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น”เมเจอร์แรกในชีวิต–“เอรียา”จบที่ 9 ร่วม





Image
ad1

มายา สตาร์ก โปรกอล์ฟสาวจากสวีเดน ผงาดคว้าแชมป์ ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น พรีเซ็นเต็ด บาย แอลลาย ที่รัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจบลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2568 แม้จะเสียโบกี้ในสองหลุมสุดท้าย แต่ยังคงมีคะแนนเหนือกว่า เนลลี คอร์ดา มือ 1 ของโลกชาวอเมริกัน และ ริโอะ ทาเคดะ จากญี่ปุ่น อยู่ 2 สโตรก นับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในชีวิต และเป็นการก้าวตามรอยรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง อันนิกา โซเรนสตัม และ ลีเซลอตต์ นอยมันน์ ที่เคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว

ด้าน “เม” เอรียา จุฑานุกาล อดีตแชมป์ปี 2018 เร่งเครื่องในรอบสุดท้าย คว้าอันดับ 9 ร่วม ถือเป็นผลงานที่น่าพอใจสำหรับแฟนกอล์ฟชาวไทย

การแข่งขันครั้งนี้เป็นการจัด ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น ครั้งที่ 80 ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2568 ถือเป็นเมเจอร์ลำดับที่สองของปี ชิงเงินรางวัลรวม 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 391.4 ล้านบาท โดยมีนักกอล์ฟหญิงไทยเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 11 คน และมีเพียงสองคนที่ผ่านการตัดตัวเข้าสู่รอบสุดท้าย ได้แก่ เอรียา จุฑานุกาล และ วิชาณี มีชัย

ในรอบสุดท้าย มายา สตาร์ก ออกสตาร์ตในฐานะผู้นำ ทำเบอร์ดี้ที่หลุม 6 ก่อนเสียโบกี้ที่หลุม 7 จากนั้นกลับมาทำเบอร์ดี้อีกที่หลุม 11 และ 14 แต่พลาดอีกสองโบกี้ในหลุม 17 และ 18 จบรอบด้วยสกอร์อีเวนพาร์ 72 รวมสี่วัน 7 อันเดอร์พาร์ 281 คว้าแชมป์ไปครอง เหนือ คอร์ดา และ ทาเคดะ อยู่ 2 สโตรก ชัยชนะครั้งนี้นับเป็นแชมป์ที่สองของ สตาร์ก ในการเล่นแอลพีจีเอ ทัวร์ ต่อจากรายการ ISPS Handa World Invitational ที่ไอร์แลนด์เหนือเมื่อปี 2022

โปรสาววัย 25 ปี จากเมืองสกูรูป ประเทศสวีเดน เปิดใจหลังคว้าแชมป์เมเจอร์ว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง เพราะเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนยังรู้สึกว่าแชมป์เมเจอร์อยู่ไกลเกินเอื้อม สัปดาห์ที่แล้วความมั่นใจก็ลดลงอีก แต่เพื่อนสนิทของฉันบอกให้เชื่อมั่นในตัวเอง ฉันจึงพยายามทำให้ตัวเองและทีมภาคภูมิใจให้ได้”

มายา สตาร์ก คว้าแชมป์แรกของปีนี้ พร้อมเงินรางวัล 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 78.8 ล้านบาท ทำให้ยอดรวมรายได้ในทัวร์ปีนี้อยู่ที่ 2,530,725 ดอลลาร์ หรือประมาณ 83.18 ล้านบาท เธอกลายเป็นนักกอล์ฟสวีเดนคนที่สามที่คว้าแชมป์รายการนี้ ต่อจาก อันนิกา โซเรนสตัม เจ้าของแชมป์ 3 สมัย (1995, 1996, 2006) และ ลีเซลอตต์ นอยมันน์ (1988) และยังเป็นนักกอล์ฟยุโรปคนที่หกที่ได้แชมป์รายการนี้  นอกจากนี้ สตาร์ก ยังเป็นนักกอล์ฟสวีเดนคนที่สามที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ ปีนี้ ต่อจาก มาเดเลน ซักสตรอม (แมตช์ เพลย์) และ อิงกริด ลินด์บลัด (แอลเอ แชมเปียนชิพ)

เนลลี คอร์ดา พยายามไล่ล่าแชมป์เมเจอร์ที่สามในชีวิต แต่สุดท้ายทำได้เพียง 1 อันเดอร์พาร์ 71 จาก 4 เบอร์ดี้ เสีย 3 โบกี้ รวมสี่วัน 5 อันเดอร์พาร์ 283 คว้าอันดับสองร่วมกับ ริโอะ ทาเคดะ ซึ่งจบรอบสุดท้ายด้วยอีเวนพาร์ 72 ทั้งคู่รับเงินรางวัลคนละ 1.052 ล้านดอลลาร์ หรือราว 34.5 ล้านบาท

ชเว ฮเย-จิน จากเกาหลีใต้ ทำสกอร์ดีที่สุดในวันสุดท้ายที่ 4 อันเดอร์พาร์ 68 จบอันดับ 4 ร่วมกับ หยิน ยัวหนิง จากจีน และ มาโอ ไซโกะ จากญี่ปุ่น แชมป์ เชฟรอน แชมเปียนชิพ เมเจอร์แรกของปี โดยทั้งหมดทำสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 284

ด้านผลงานของนักกอล์ฟไทย เอรียา จุฑานุกาล จบรอบสุดท้ายด้วย 2 อันเดอร์พาร์ 70 จาก 3 เบอร์ดี้ เสีย 1 โบกี้ รวมสี่วัน 2 อันเดอร์พาร์ 286 จบอันดับ 9 ร่วมกับ แองเจิล หยิน จากสหรัฐ และ ลินน์ แกรนท์ จากสวีเดน รับเงินรางวัลคนละ 281,341 ดอลลาร์ หรือประมาณ 9.2 ล้านบาท ถือเป็นการติดท็อป 10 เป็นครั้งที่ 4 ของฤดูกาลนี้

เอรียา เปิดเผยหลังจบการแข่งขันว่า “สนามยากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้กรีนแข็งมาก แล้วยังมีลมด้วย โดยรวมถือว่าดีค่ะ เสียโบกี้ที่หลุม 9 ซึ่งยากที่สุดในสนาม ส่วนเบอร์ดี้สองหลุมสุดท้ายต้องบอกว่าฟลุก หลุม 17 พัตต์ไกลลง หลุม 18 ธงตั้งยาก แต่ตีมาอยู่หน้ากรีนแล้วพัตต์ลงสองที ดีใจที่เกมดีขึ้น โดยเฉพาะลูกสั้นในช่วงสองสามสัปดาห์นี้”

สำหรับ แจน – วิชาณี มีชัย อีกหนึ่งตัวแทนไทยในรอบสุดท้าย จบรอบสุดท้ายด้วย 8 โอเวอร์พาร์ 80 รวมสี่วัน 19 โอเวอร์พาร์ 307 จบอันดับ 60 รับเงินรางวัล 25,797 ดอลลาร์ หรือประมาณ 847,947 บาท

เครดิตภาพ: USGA