ตร.บุกจับพระนักพัฒนาวัดดังย่านดอนเมืองมั่วสุมเสพยาในากุฎิ


พระนักพัฒนาวัดดังย่านดอนเมือง ถูกตร.บุกซุ่มจับคากุฏิ หลังถูกร้องเรียนมั่วสุมเสพยาในวัดพร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพ
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 68 พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง สั่งการให้ พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง พ.ต.ต.ชยพัทธ์ หีบทอง สว.สส.สน.ดอนเมือง จับกุมนายชัยฤกษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี และนายพิชัยบัญชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี พร้อมของกลางอุปกรณ์การเสพ โดยจับกุมได้ที่หน้ากุฎิ 3 วัดแห่งหนึ่งย่านดอนเมือง
ก่อนการจับกุมทางเจ้าหน้าที่ได้รับหนังสือร้องเรียนจากประขาชน ว่าที่กุฏิ 3 หลังเมรุ วัดแห่งนี้ มีพระรูปหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มักจะชอบชวนบุคคลอื่น รวมถึงเด็กวัดมาเสพยาในกุฏิ จนกลายเป็นแหล่งมั่วสุม ทางพ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง โดย พ.ต.ต.ชยพัทธ์ หีบทอง สว.สส.สน.ดอนเมือง ร.ต.อ.สมโชค คงตำหนิ รอง สว.สส.สน.ดอนเมือง นำกำลังฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบเฝ้าสังเกตุการ และได้พบพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนอยู่กับชายอีกคนซึ่งน่าจะเป็นลูกศิษย์ ที่หน้ากุฏิ ทราบชื่อคือพระชัยฤกษ์ และนายพิชัยบัญชา
เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงบัตร ปปส. เพื่อขอตรวจสอบ และตรวจค้นที่ตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่จากการเข้าตรวจสอบในกุฎิ พบอุปกรณ์การเสพ และถุงซิปมีคราบยาเสพติดติดอยู่ จากการสอบถามพระชัยฤกษ์ ได้ให้การยอมรับว่าตนเองได้เสพยาไอซ์ไปตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวพระชัยฤกษ์ และนายพิชัยบัญชา มาที่สน.ดอนเมือง เพื่อขอตรวจสารเสพติดเบื้องต้น พบทั้ง 2 คนมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย และได้ส่งปัสสาวะไปตรวจยืนยันผลที่สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี รพ.ธัญญารักษ์ พบว่ามีสารเสพติดในร่างกายจริง
เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวพระชัยฤกษ์ ไปดำเนินการสึกจากการเป็นพระ และทำบันทึกการยินยอมการสึกโดยสมัครใจที่วัดเวฬุวนาราม ( วัดไผ่เขียว ) โดยมีเจ้าอาวาสวัดเวฬุวนาราม ( วัดไผ่เขียว ) รองเจ้าคณะแขวงสีกัน เป็นผู้ทำการสึก ก่อนจะนำตัวกลับมาดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ส่งพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมือง ดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ทางผู้ร้องเรียนยังระบุด้วยว่านายชัยฤกษ์ หรือ อดีตพระชัยฤกษ์ ยังมีพฤติกรรมในการโพสภาพถ่ายเปลือยของตนเองขณะเป็นพระลงในกลุ่มในโซเชียล ซึ่งจากการเปรียบเทียบสถานที่กับภาพถ่ายพบว่าพนังห้อง และที่นอนในกุฎิของอดีตพระชัยฤกษ์ เป็นสถานที่เดียวกันตามที่ผู้ร้องเรียนส่งมาให้ ซึ่งทางอดีตพระชัยฤกษ์ ไม่ได้ปฎิเสธว่าไม่ใช่รูปตัวเอง แต่ระบุเพียงว่าไม่ได้เข้ากลุ่มโซเขียลดังกล่าวนานแล้ว
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวระบุว่าสำหรับอดีตพระชัยฤกษ์ บวชเป็นพระมาประมาณ 30 พรรษา มีหน้าที่คอยดูแลเรื่องต่างๆภายในวัด โฆษกวัดและหัวเรือใหญ่ในการจัดงานต่างๆในวัด หรือแม้แต่การร่วมกิจกรรมต่างๆกับวัดข้างเคียง จึงถือว่าอดีตพระชัยฤกษ์ เป็นพระนักพัฒนา รูปหนึ่งที่มีลูกศิษย์ลูกหาทั้งในพื้นที่และต่างพื้นที่ นับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก