ทีมนายกเบี้ยวชนะยกทีมทั้งสท.และนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี


เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 11 พ.ค.2568 ที่ทำการทีมธัญญก้าวหน้า นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือเฮียเบี้ยว พร้อมด้วย นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ หรือน้ำอ้อย (ว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ) นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือลูกพีช ได้เดินออกมาร่วมแถลงข่าว ประกาศชัยชนะ การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี และสมาชิกเทศบาลตำบลธัญบุรี ยกทีมทั้ง 2 เขต 12 คน พร้อมทั้งได้ทำการตั้งโต๊ะเพื่อแถลงข่าว
นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือเฮียเบี้ยว กล่าวว่า กราบสวัสดีพี่น้องชาวตำบลธัญบุรีที่เคารพรักทุกท่านครับ แล้วก็น้องๆสื่อมวลชนทุกท่าน วันนี้ผมก็ขอขอบคุณพี่น้องชาวอำเภอธัญบุรี ที่ไว้วางใจให้ครอบครัวผมเข้าไปดูแลพ่อแม่พี่น้องชาวธัญบุรี จากนี้ไป ผมและครอบครัวจะดูแลพ่อแม่พี่น้องชาวตำบลธัญบุรีใหดี
ตลอดไป 30 กว่าปีที่ผมได้มารับใช้พ่อแม่พี่น้องวันนี้เห็นแล้วครับว่าชาวธัญบุรีรักครอบครัวผม อย่างจริงใจ และจริงจัง และขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงครับ
โดยคะแนนตอนนี้อย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง 74 หน่วยเราน่าจะนำอยู่ 1 พันกว่าคะแนน โดยคะแนนที่ชนะตอนนี้ เราไม่ได้ตั้งใจไว้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ของลูกพีช เราก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่พี่น้องชาวธัญบุรี จะให้ความไว้วางใจเราเหมือนเดิมไหม แต่ครั้งนี้เราก็ขอขอบคุณชาวธัญบุรี ที่ให้ความไว้วางใจ แล้วทำให้เรากำชัยชนะมา ส่วนเรื่องอุบัติเหตุ ตอนนี้เรายังไม่ขอพูด เอาไว้หลังเลือกตั้งจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง
จากชัยชนะครั้งนี้ เราซาบซึ้งในน้ำใจของพ่อแม่พี่น้อง ที่พวกผมทำงานกันมาดูแลกันมาทั้งบ้าน ทำกันมาหลาย 10 ปีแล้ว ทั้งนี้เราก็เห็นว่าประชาชนเลือกคนทำงาน เลือกคนที่ช่วยเหลือท่าน เราก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งวันนี้พี่น้องประชาชนก็ออกมาให้กำลังใจกันอย่างมาก
ในส่วนที่บอกว่าผมเป็นบ้านใหญ่นั้น ผมไม่ใช่บ้านใหญ่หรอกครับ ผมเป็นบ้านที่อบอุ่น ที่ว่าอบอุ่นนั้นก็จากแรงเชียร์แรงใจของพ่อแม่พี่น้อง โดยชาวตำบลธัญบุรี เราจะอยู่กันแบบนี้ เหมือนพี่เหมือนน้อง พ่อแม่พี่น้องเดือนร้อนเราช่วยเหลือกัน และชาวเทศบาลของเรารักเราด้วยความอบอุ่น ไม่มีหรอกครับอย่าไปเชื่อบุคคลที่ 3 ว่าเราเป็นบ้านใหญ่ โดยผมเองนั้นอยากเป็นบ้านที่อบอุ่นคอยช่วยเหลือพี่น้องประชนของเราตลอดไป
โดยไอ้คำว่าหญ้าหวานหมายความว่า คือจริงๆ ชาวธัญบุรีเรากินหญ้าหวานครับ ถ้ากินหญ้าขมครอบครัวผมคงไม่ได้รับชัยชนะ ชาวธัญบุรีทานหญ้าหวานและจะทานตลอดไป เราจะไม่ทิ้งกันครับ
ในส่วนของเรื่องคดี ซึ่งตั้งแต่วันแรกแล้ว น้องก็เห็นว่าพี่ทำทุกอย่างแล้ว กราบขอโทษก็แล้ว ไปที่โรงพยาบาลเอาเงินไปเยียวยาก็แล้ว เอาเงินไปฝากให้ก็แล้ว ทำทุกอย่างเราไปดูแล ไปเยี่ยม 3-4 ครั้งก็โดนกีดกันจากบุคคลที่ 3 กันทุกอย่าง น้องพีชเอาเงินไปจ่ายทางโรงพยาบาลก็ไม่รับ แต่ทางผู้ป่วยบอกกับทางโรงพยาบาลให้น้องพีชเขียนจดหมายน้อยไว้ แล้วก็บอกว่าญาติจ่ายเงินไปแล้ว จริงๆแล้วญาติไม่ได้จ่ายเงิน แต่เป็นบุคคลที่ 3 ในเมื่อจ่ายไปแต่คุณลุงคุณป้าก็ยังคงต้องอยู่โรงพยาบาล ซึ่งน้องพีชก็จะเอาเงินวางไว้ แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่รับ ในเมื่อเราทำทุกอย่างแล้ว
ซึ่งทางเราไม่ได้มีเจตนาจะไม่เยียวยา เราสงสารคุณลุงคุณป้าด้วยซ้ำ ตามที่ผมให้ข่าวออกไป เจตนาจริงๆครอบครัวเราเราปรึกษากันหมดแล้ว ต้องดูแลเยียวยาคุณลุงคุณป้า แต่เหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้มีบุคคลที่ 3 ยังไงเรื่องก็ไม่จบ ถ้าจบก็คงจบไปแล้ว แต่นี่ไม่จบ ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ก็ไม่เคยเข้ามาช่วยผมเลย แล้วผมก็ไม่คิดที่จะให้ท่านเข้ามาช่วยเหลือ ขณะนี้น้องพีชก็เข้าสู่ขบวนการยุติธรรม ถ้าน้องพีชทำผิดก็ชดใช้กรรมไปนะครับ ก็อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม เราไม่ได้วิ่งเต้น เราไม่มีเส้นไม่มีสาย เรามีแต่น้ำใจของเรา แล้วก็เรื่องทุกวันนี้ก็อยู่ในขบวนการยุติธรรมเราไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเขาเลย เราน้อมรับทุกกรณีในคำตัดสินของขบวนการยุติธรรม
นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือลูกพีช กล่าวว่า ทางเราก็ขอขอบคุณชาวบ้านเทศบาลตำบลธัญบุรีที่ยังเชื่อมั่นในตัวผม และครอบครัวผม ให้ความไว้วางใจ ส่วนในเรื่องการทำงานผมก็เต็มที่ เพราะพ่อผมเป็นคนช่วยเหลือคนอยู่แล้ว ผมก็จะสานต่อในการช่วยเหลือคนให้เต็มที่ให้ได้มากที่สุด
นางยุพเยาว์ หลีนวรัตน์ หรือน้ำอ้อย (ว่าที่นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ) กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ว่าชาวธัญบุรีให้ความไว้วางใจครอบครัวหลีนวรัตน์ และทีมงาน สท. ทุกคน และขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่มาให้กำลัวใจ ส่วนโครงการไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ความเดือนร้อนของพี่น้องประชาชน เราจะลงพื้นที่และช่วยแก้ไข ตามที่นายกเบี้ยวได้เคยทำเอาไว้ ให้เบาบางและลดลง เพราะพวกเราทุกข์ก็เห็นหน้า สุขก็เห็นหน้า เราก็แบ่งเบาความทุกข์ และความสุขกัน เพราะพวกเราคือทีมงานกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเราลงพื้นที่ทำให้พี่น้องประชาชนจริงๆ เพราะไม่อย่างนั้นคะแนนคงไม่ออกแบบนี้ ทั้งทีมีเรื่องของน้องพีชอยู่ด้วยแบบนี้