แจงข้อสงสัย ชาวบ้านชัยภูมิงง เทศบาลสร้างถนนใหม่ทับถนนเดิม

ชัยภูมิ–แจงข้อสงสัย ชาวบ้านงง เทศบาลสร้างถนนใหม่ทับถนนเดิม เทศบาลเผยซ่อมแซมตามแผนพัฒนา เพื่อความปลอดภัยการจราจร

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 จากกระแสในโซเชียลมีเดียที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีเทศบาลตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว ตำบลบ้านค่าย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ดำเนินโครงการปรับปรุงถนนโดยทำการเสริมผิวแอสฟัลต์ทับถนนคอนกรีตเดิม ที่เพิ่งก่อสร้างและใช้งานมาได้ไม่ถึง 5 ปี และยังอยู่ในสภาพดี สร้างความสงสัยให้กับชาวบ้านถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของการใช้งบประมาณในช่วงรักษาการของผู้บริหารท้องถิ่น

ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนนชุมชน ไม่อนุญาตให้รถบรรทุกขนาดใหญ่ผ่าน แต่ก็มีผู้ลักลอบบ้าง ทั้งการก่อสร้างยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน และชาวบ้านบางส่วนเห็นว่าควรนำงบประมาณไปแก้ปัญหาที่จำเป็นมากกว่า โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณนี้ในฤดูฝน เนื่องจากพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ

ขณะที่นางสาววลัยลักษมี เพิกชัยภูมิ ผู้อำนวยการกองคลัง รักษาราชการแทนปลัดเทศบาล และปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลบ้านค่ายหมื่นแผ้ว ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากการอนุมัติงบประมาณในช่วงที่อดีตนายกเทศมนตรีคนก่อนยังดำรงตำแหน่ง โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณกลางเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 768,000 บาท สำหรับถนนสาย ชย.ถ.15-016 หมู่ที่ 10 ซึ่งมีขนาดกว้าง 5.8 เมตร ยาว 380 เมตร หนา 4 เซนติเมตร

วันที่ 12 พฤศจิกายน 2567: ประกาศประกวดราคาจ้างด้วยวิธี e-bidding

วันที่ 11 ธันวาคม 2567: หจก.พีค่อนสแตนดาร์ด ชนะการประมูลในราคา 554,000 บาท

วันที่ 15 มกราคม 2568: ทำสัญญาจ้างเลขที่ 7/2568

วันที่ 15 เมษายน 2568: สิ้นสุดสัญญาจ้าง

วันที่ 21 เมษายน 2568: ผู้รับจ้างเริ่มดำเนินงาน

วันที่ 22 เมษายน 2568: เทศบาลออกหนังสือเรียกค่าปรับเนื่องจากการส่งงานล่าช้า

ด้านนายสุรเชษฐ ไตรทิพย์ นายช่างโยธาของเทศบาลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถนนเดิมมีการชำรุดจึงต้องซ่อมแซมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ และโครงสร้างเดิมเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ใช้มาเกิน 5 ปีแล้ว จึงมีความเหมาะสมในการเสริมผิวใหม่เป็นแอสฟัลต์ เพื่อเพิ่มความเรียบและมั่นคงในการใช้งาน โดยเฉพาะสำหรับยานพาหนะขนาดเล็กที่ใช้สัญจรในชุมชน

สำหรับโครงการนี้ เทศบาลระบุว่าใช้งบประมาณรวม 554,000 บาท และขณะนี้การก่อสร้างดำเนินไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงการตีเส้นจราจรและตรวจรับงานเท่านั้น

เทศบาลยืนยันว่าโครงการนี้ทำไปตามกระบวนการและกฎหมาย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว พร้อมทั้งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านเพื่อนำไปปรับปรุงแนวทางในการดำเนินงานอีกด้วย