พืชศก.ตัวใหม่ ปลูกผักเคลครั้งเดียวเก็บขายทั้งปี สร้างรายได้หลักหมื่น/เดือน


ผักเคล หรือราชินีแห่งผักใบเขียว ขายในท้องตลาด ราคากิโลกรัมละหลายร้อยบาท สร้างรายได้หลักหลายหมื่นต่อเดือน ผักเคล (Kale) ฟังชื่อแล้วอาจจะใหม่สำหรับคนไทย แต่ก็ใหม่จริงๆ ถ้าสืบเสาะว่ามาจากตระกูลไหน ท่านก็จะร้องอ๋อ เพราะผักเคล มาจากตระกูลผักคะน้า เราเรียกว่า คะน้าใบหยิก เป็นพืชใหม่สำหรับคนไทย แต่ได้รับความนิยมในการรับประทานอย่างรวดเร็ว
จากการวิจัยของทางการว่ามีวิตามินสูง ผักเคล เป็นผักที่นิยมรับประทานกันมากจากชาวตะวันตก ซึ่งมีการวิจัยแล้วว่า มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก สูงกว่าผักชนิดอื่นๆ ผักเคล เป็นผักที่ใหม่ในตลาดผู้คนยังรู้จักไม่มาก แต่คนเริ่มที่จะรู้จักกันแพร่หลายมากขึ้น โดยได้รับความสนใจจากผู้ที่รับประทานอาหารคลีนทั้งหลาย
สวนผักอินทรีย์ "เปนูเอล"ของ คุณขวัญหล้า เนื่องจำนงค์ ได้คำนึงถึงคุณภาพของการปลูกผักมาก ที่สวนเปนูเอลทั้งหมดเป็นสวนผักอินทรีย์ปลอดสารพิษ จนได้รับมาตรฐานออร์แกนิก ไทยแลนด์ (Organic Thailand) เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2562 จนถึง วันที่ 23 ธันวาคม 2564 ซึ่งใช้เวลาหลายปีมากกว่าจะได้ใบรับรองมา
คุณขวัญหล้า กล่าวว่า “เราต้องซื่อสัตย์ต่อตนเองก่อน เพราะเราเป็นด่านแรก ที่ได้สัมผัสแล้วถึงจะส่งต่อสิ่งดีๆ ให้ลูกค้า ชื่อเสียงเราก็จะตามมา รายได้ก็จะตามมาแบบยั่งยืนไปด้วย” นั่นคือ คำปณิธานของสวนว่า ที่ต้องการทำสวนปลอดสารพิษทั้งหมดเพื่อตัวเราและผู้อื่น ได้รับประทานผักปลอดภัย
สวนที่ว่านี้อยู่ที่อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ภายในสวนร่มรื่น เนื้อที่ 100 กว่าไร่ แต่แบ่งพื้นที่ไม่มากสำหรับปลูกผักปลอดสารพิษ ภายในสวนมีสระเก็บน้ำ ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ทั้งปี คือสวนเปนูเอล (Penuel) ของ คุณขวัญหล้า เนื่องจำนงค์ ผู้ที่ใช้เวลาปลูกผักอินทรีย์ทำเป็นอาชีพขายมามากกว่า 10 ปี
ที่สวนเปนูเอล ปลูกผักสวนครัวเกือบทุกชนิด แต่ที่จะแนะนำให้รู้จักคือ ผักเคล หรือคะน้าใบหยิก เป็นผักที่สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน ขายส่งจากสวน มีลูกค้าประจำมารับโดยตรงจากสวน และขายเองบ้าง เพราะการขนส่งเดี๋ยวนี้สะดวกสบาย สั่งผ่านตัวแทนจากสวนคุณขวัญหล้าส่งทั่วประเทศ ความสะดวกรวดเร็วนั้นไม่ต้องพูดถึง ผักถึงมือท่านความสดยังคงอยู่
ลักษณะของผักเคล หรือคะน้าใบหยิกนั้น มีใบหยิกสีเขียวเข้ม รสชาติคล้ายคลึงกับผักคะน้า แต่ก็อยู่ในตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปลี เช่นเดียวกับบร็อกโคลี่ จะเห็นได้ว่าผักที่อยู่ในตระกูลนี้จะมีคุณค่าทางอาหารไม่แตกต่างกันมาก
แต่ตามข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับคุณค่าทางอาหาร ผักเคลจะมีสูงกว่าผักตระกูลคะน้าชนิดอื่น ตามที่ได้กล่าวกันไว้ว่า ผักเคล เป็นผักที่ถูกยกให้เป็น Super food ในต่างประเทศ ถูกเรียกว่าเป็น “The new beef” หรือ The queen of green ราชินีแห่งผักใบเขียว
คนที่นึกถึงสุขภาพและเน้นอาหารคลีน จะคุ้นเคยกับคำว่า ผักเคล อันดับแรกเมนูรับประทานเป็นผักสด เช่น สลัด น้ำผักผลไม้ที่ผสมผักเคล ทอดมันผักเคล ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย แม้จะรับประทานเพียงส่วนน้อย คนที่รักสุขภาพและต้องการดีท็อกซ์ น้ำผักเคลเข้มข้น ก็ช่วยได้เหมือนกัน
ข้อดีมากของการรับประทานผักเคลสด คือรสชาติและกลิ่นจะไม่ฉุนหรือเหม็นเขียว ผสมกับส่วนผสมผักอื่นหรือผลไม้อื่นก็จะไม่ทำให้เปลี่ยนรสชาติของผลไม้นั้นๆ คนที่ไม่ชอบรับประทานผักก็รับประทานได้ ผักเคลจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
นอกจากรับประทานเป็นผักสดแล้ว ยังนำมาประกอบอาหาร เช่น ผัดน้ำมันหอย หรืออื่นๆ ได้เกือบทุกชนิดเหมือนผักคะน้าทั่วไปทุกประการ ผักเคลมีแคลเซียมมากกว่า นม สามารถดื่มเป็นน้ำผักสดบำรุงกระดูกทดแทนนมวัวได้ มีวิตามินเค ช่วยสร้างความแข็งแรงของกระดูก มีวิตามินซีมากกว่าผักโขม 10 เปอร์เซ็นต์ มีธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัว มีกรดไขมันโอเมก้า3 ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีแคลอรีต่ำ ไขมันต่ำ มีโฟเลตและวิตามินบี ช่วยบำรุงสมอง
แต่ขั้นตอนการปลูกผักเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของหนอนผีเสื้อกลางคืนบางชนิดมาก และถ้าระบาดในการปลูกแล้ว ภายในคืนเดียวจะหมดสวนได้ จึงเป็นผักที่ต้องใช้สารเคมีในการปลูกมาก นั่นหมายถึง คนกลัวสารเคมีตกค้าง เพราะฉะนั้น สวนผักอินทรีย์เปนูเอล จึงขอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผักเหล่านี้เป็นที่รับประทานสดได้อย่างมั่นใจ และยังทำรายได้ให้เกษตรกรอย่างคุณขวัญหล้า การที่คุณขวัญหล้าลองผิดลองถูกเรื่องการทำผักอินทรีย์หรือผักปลอดสารนั้น คุณขวัญหล้าได้สูญเสียเงินในการลงทุนทำมาเป็นหลักล้าน เคยคิดท้อ เพราะการเกิดหนี้สินแต่คุณขวัญหล้าไม่ท้อ เคยคิดแพ้มาครั้งหนึ่ง แต่คุณขวัญหล้าคิดว่าถ้าเราเอาความพ่ายแพ้มาเป็นครู ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง
คุณขวัญหล้าและสามีจึงไปศึกษาดูงานจากสวนที่ทำสวนผักออร์แกนิกทางภาคกลาง และนำความรู้เหล่านั้นมาปรับปรุง โดยเฉพาะเรื่องของปุ๋ยหมัก ตอนนี้ที่สวนคุณขวัญหล้าเฉพาะลงทุนเรื่องปุ๋ยหมักใช้เงินมากพอสมควร เพราะคุณขวัญหล้าเน้นแต่เรื่องว่าต้องไม่มีสารเคมีปะปน
“เรื่องทำปุ๋ยหมักต้นทุนยังน้อยกว่าปุ๋ยเคมี แต่ถ้าเปรียบเทียบกับปุ๋ยเคมีน่าจะพอกัน แตกต่างกันที่ปุ๋ยหมักจะใช้เวลามาก อย่างน้อย 1 ปี โดย 6 เดือนแรกเป็นการหมัก และเช็กความร้อนจากการหมักทับถมกัน ทุกสัปดาห์ ถ้าอุณหภูมิสูงไปก็ต้องทำให้เย็นลงด้วยการรดน้ำ ถ้ารดน้ำมากไปก็จะเกิดการเน่าและเชื้อโรคต่างๆ เช่น เชื้อรา ที่เป็นอันตรายต่อพืช ปุ๋ยหมักถ้าใช้เวลาหมักน้อยกว่านี้ อาจจะทำลายรากพืชได้ ทำให้แคระแกร็น และตายได้ จะต้องเช็กอุณหภูมิจนกว่าในกองปุ๋ยหมักเย็นแล้วถึงนำไปใช้กับพืชได้ ใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี” ซึ่งเป็นเคล็ดลับของทางสวนถึงวิธีการทำปุ๋ยหมักที่คุณภาพดีกว่าสะอาดกว่าปุ๋ยเคมีมาก
แต่คุณขวัญหล้าอยากจะแนะนำว่า การที่ปลูกผักหลากหลายชนิด ทำให้มีรายได้เข้ามาทุกวัน ที่สวนปลูกผักหลากหลาย แต่ผักที่ทำเงินนั้น เป็นผักที่ตลาดมีความต้องการสูง จะมาเป็นบางช่วง อย่างตอนนี้ ผักที่มาแรงและคนปลูกน้อย ก็คือ ผักเคล ที่ตลาดยังไปได้ดี
การปลูกผักเคลหรือคะน้าใบหยิก ไม่ยากอย่างที่คิด บางคนจะกลัวคำว่า ผักที่มาจากต่างประเทศ กลัวว่าเป็นผักเมืองหนาว ต้องปลูกที่อากาศเย็น เช่น บนเขาบ้าง ไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะหลายคนที่นำผักเคลไปปลูกที่กรุงเทพฯ และจังหวัดนครปฐม ก็เจริญงอกงามดี ปลูกที่โคราชก็เจริญงอกงามดีเช่นกัน
จากประสบการณ์ตรงที่ปลูกจากสวน อันดับแรกเมล็ดพันธุ์ ทางสวนนำเข้ามาจากต่างประเทศด้วยตนเอง จากบริษัทที่เรานำเข้าเมล็ดพันธุ์ที่สั่งประจำมาหลายปี ถือว่าเชื่อถือได้ หลังจากนั้นเราจะนำมาแช่น้ำครึ่งวันเพื่อให้เมล็ดพองตัว นำมาวางในผ้าชื้นหรือกระดาษทิชชูที่ชุ่มน้ำ จนกว่าเมล็ดจะงอกขึ้นมาก็ประมาณ 3-4 วันหลังจากนั้นจึงนำไปเพาะในถาดเพาะเมล็ดพันธุ์ ขั้นตอนนี้ประมาณ 1 เดือน จึงนำไปปลูกลงแปลงผัก
การปลูกก็เหมือนปลูกผักทั่วไป ผสมปุ๋ยหมักที่สวน รดน้ำแบบพรมให้ชุ่ม ใช้เวลา 45 วัน ก็เริ่มเก็บผลผลิตได้ แต่ขั้นตอนการเก็บผักนั้นจะต้องเก็บในตอนเช้าดีที่สุด ผักจะได้ไม่เฉา หลังจากนั้นก็เก็บผักเพื่อให้คงความสดในถังน้ำแข็ง จะเก็บความสดได้ดี การปลูกผักถ้าทำเป็นอาชีพจะปลูกทุกวัน ก็จะมีผักให้เก็บขายทุกวัน การเพาะเมล็ดก็จะเพาะทุกวันเช่นกัน
ผักตระกูลผักคะน้าและกะหล่ำปีจะมีแมลงรบกวน คือ หนอนม้วนใบ ที่สวนใช้การดูแลทุกเช้า ถ้าพบผีเสื้อวางไข่ก็รีบกำจัดออกไป โดยตัดออกไปทำลาย ที่สวนปลูกผักเคลโดยเปิดโล่ง เพียงระยะต้นอ่อนเท่านั้นที่มุงด้วยพลาสติก ในขั้นตอนนี้ก็ต้องเอาใจใส่เรื่องของหนอนและแมลง กำจัดโดยใช้วงจรคุณภาพ โดยใช้แมลงที่เป็นศัตรูกัน เช่นปล่อยธรรมชาติ เช่น ตัวห้ำตัวเบียน แมลงเต่าทอง หรือใช้น้ำส้มควันไม้ แต่เรื่องน้ำต้องไม่ให้ขาดเด็ดขาด ถ้าขาดน้ำหนอนและเพลี้ยก็จะเข้ามารบกวน