สะท้อนมุมมอง “ดร.ณัฏฐ์” โลกขาดธรรมาภิบาล “เกิดการทุจริต”

สะท้อนมุมมอง “ดร.ณัฏฐ์” โลกขาดธรรมาภิบาล “เกิดการทุจริต”





Image
ad1

ปัจจุบันปัญหาเรื่องคอร์รัปชั่น ในแวดวงราชการยังออกมาให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง บางครั้งมีข่าวคนของรัฐใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อหวังผลประโยชน์ให้กับตนเอง พรรคพวก เพื่อนฝูง จนเกิดการฟ้องร้องโดยดำเนินคดีไปหลายราย แม้ว่า ภาครัฐได้มีการจัดตั่องศูนย์ร้องเรียน ผ่านองค์กรและมูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยกันตรวจสอบดูแล เป็นหู เป็นตาให้หน่วยงานรัฐ แต่ยังไม่คลี่คลายที่ดีขึ้น

ดังภาพที่สะท้อนออกมา ทั้งการรับงานก่อสร้างอาคาร งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบแบบแปลน เป็นเหตุให้เกิดการวิบัติอาคาร บางตึกโดนถล่มลงมาอย่างมีเงื่อนงำ ที่จะต้องเร่งตรวจสอบ หาผู้รับผิดชอบให้ได้  เนื่องจากมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก สร้างข้อสงสัยให้กับสังคมมากมาย

“มูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต” อีกองค์กรหนึ่งที่มีสมาชิกมากมายทั่วประเทศ  ล่าสุดได้มีการทำ MOU ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ด้านกฎหมายกับสภาทนายความ และความร่วมมือกับสถาบันการศึกษากับมหาวิยาลัย อาทิ ม.ธุรกิจบัณฑิต,ม.รัชภาค, ม.รังสิต รวมทั้ง บางมหาวิทยาลัยที่มีแนวคิดสอดคล้องกันเกี่ยวกับการสร้างธรรมาภิบาลที่ดีให้กับสังคม

ซึ่งทางมูลนิธิฯ พร้อมเปิดกว้างในการสนับสนุนด้านความรู้ งบประมาณและบุคลากรที่มีความรู้ด้านกฎหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจกับทุกองค์กร เพื่อสร้างพื้นฐานสำหรับการสร้างสังคมที่ดี รวมทั้ง ได้มีการจัดรางวัลธรรมาภิบาลทางการกีฬา นอกจากนี้ มีการผลิตสื่อผ่านทางโซเซียลมีเดีย และผลิตคอนเท้นต์ ด้านการใช้ศัพท์ทางด้านวิชาการง่ายๆ เพื่อให้เข้าถึงประชาชนและเด็กรุ่นใหม่

ส่วนประเด็นถกเถียงและกล่าวถึงกันมากเรื่องปัญหาคอร์รัปชั่นในยุคนี้ ที่คนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงถึงองค์กรต่างๆ เรื่องนี้ ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฏสุภานนท์ ในฐานะประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลและต่อต้านทุจริต ที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกจากสมาชิกนั่งเป็นประธานฯ สมัยที่2  ได้สะท้อนมุมมองว่า

“ปัญหาคอร์รัปชั่นในบ้านเราที่เกิดขึ้นทุวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผู้บริหารระดับสูงที่อำนาจใช้บทบาทและหน้าที่ไปในทางที่ไม่ดี เจ้าหน้าที่เหล่านี้เป็นเสียเอง กินเอง ชงเอง  จนขาดธรรมาภิบาลและจรรยาบรรณในวิชาชีพ ดังนั้น เราต้องช่วยกันสอดส่องดูแลและหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการทางกฎหมายให้ได้ อย่าปล่อยปะละเลย ทำไม่เห็น ปิดหู ปิดตา ปล่อยให้บุคคลเหล่านี้ลอยนวล จนทำให้องค์กรรัฐเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ในส่วนของภาคประชาชนเอง ต้องมีการตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย”

อย่างโลกยุคโซเชียลภิวัตร โลกของAI ได้มีการพัฒนาไปอีกก้าวหนึ่ง ใครที่กระทำผิด จะมีการตรวจสอบผ่านสังคมโซเชียลที่มีข่าวแพร่สะพัดออกมา สิ่งหนึ่งที่แก้ไขปัญหาได้ คือ การรู้จักหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เกราะป้องกันการทุจริต ทั้งเรื่องผู้นำจะต้องมีคุณธรรมการบริหาร  ซึ่งมูลนิธิฯเป็นส่วนหนึ่ง ที่มีแนวทางการแก้ปัญหา ป้องกัน ตลอดจนปราบปรามการทุจริต เพื่อลงมือให้เกิดการปฎิบัติเกิดผลจริง ด้วยการปลูกฝัง รณรงค์ เรื่องการต่อต้านทุจริต

“อย่าลืมว่า โลกใบนี้มีแบบแผน มีทั้งรอยยิ้ม หัวใจธรรมาภิบาล แก่นแท้ของคุณธรรมที่เดินหน้ามาได้ 12 ปี ได้ร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการปราบปรามคอร์รัปชั่น สุดท้ายธรรมาภิบาลคือ ความจริง ซึ่งเราไม่มีความฝัน  ธรรมาภิบาลไม่ใช่เป็นนามธรรม  แต่เป็นเรื่องที่จับต้องได้ในยุคโซเชียลภิวัตร” ดร.ณัฎฐ์ กล่าวทิ้งท้าย