ลัทธิโฆษณาชวนเชื่อล่าอาณานิคม คืออุปนิสัย “สันดารมาร”

ลัทธิโฆษณาชวนเชื่อล่าอาณานิคม คืออุปนิสัย “สันดารมาร”





Image
ad1

พุทธวิทยาศาสตร์ มองภาพลัทธิโฆษณาชวนเชื่อล่าอาณานิคม เป็นอุปนิสัย “สันดารมาร” ล่าฝ่ายพระรัฐที่อ่อนกว่า แต่กลับลุกขึ้นตอบโต้ไม่ยอมเป็นทาสเพื่อสู่อ้อมอกพระผู้สร้าง

นายวีระศักดิ์ สินธุวงศ์ สำนักคิดพุทธวิทยาศาสตร์ ทัศนะพุทธวิทยาศาสตร์ ควอนตั้มจิตตื่นธรรมการรีเซ็ตโลกผ่านมวล Corona ผ่านแสงวาบดวงสุริยะผ่านโมเลกุลเม็ดแสง ผ่านการอภิวัฒน์เงินตรา ศึกสงคราม ศาสนา สงครามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า

จากเรานั่งดูหนังฟังขายยาผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่เหล่าอริยะภาคดำปั่นหัวชิปข้อมูลใส่สมองฝังแต่ความยึดมั่นถือมั่น การให้คุณค่าสิ่งของเป็นเงินทองให้มีราคา ทำให้หลงเสพติดวัตถุนิยมบริโภคนิยมเพราะโมเลกุลของเม็ดแสงเดินทางผ่านช่องว่างของกาอาล-กาศ เดินทางผ่านตัวเชื่อมกลางผ่านเรติน่าผ่านการรวมสารรวมแสงเปลี่ยนจากอนุภาคที่มองไม่เห็นให้กลายเป็นคลื่นกระแส แม่เหล็กไฟฟ้าชีวประสาท ผ่านการเชื่อมต่อจักขุวิญญาณนำธาตุรู้

“พอดูไปดูมามวลแห่งกรรมแรงแห่งกรรมเพิ่มพูนขึ้น มันถูกทำให้จิตตสังขารเกิดการอุปทาเกิดการรวมมวลรวมมารเข้าสิงสู่กลายเป็นวิญญาณอวิชชาเปลี่ยนจากผู้รู้ผู้ดูผู้เห็นปรับเปลี่ยนเป็นผู้เล่น”

นายวีระศักดิ์ ระบุว่า พิมพ์เขียวมโนภาพที่เดินทางผ่านเรติน่า ทำการเปลี่ยนแสงแปลงสาร จากความต่างศักย์ทางด้านไฟฟ้า ผ่านการบิดงอกาล-อากาศ ให้เดินทางผ่านนิวรอนกลายเป็นอานุภาพโฟรตอนถ่ายทอดผ่านเซลล์ตัวหนึ่งไปสู่เซลล์อีกตัวหนึ่งเพื่อให้ข้อมูลข่าวสาร Data จากจิตสากลจักรวาล จากธรรมชาติของพระผู้สร้าง ได้มาเชื่อมต่อถึงกันกลับ 100,000 ล้านเซลล์สมองจากนิวรอนไปสู่แอ๊คซอนไปสู่ Den Drive ไปสู่ snapเดินทางภายในทำให้เกิดการใช้พื้นที่ในมวลสมอง ทำให้เกิดทางเลือกสายใหม่ เกิดการเปลี่ยนเส้นทางการเชื่อมต่อภายใน ทางเลือกสายใหม่

“คือการแผ่ขยายเครือข่ายจักรจิตในการเชื่อมจิตติดต่อสื่อสารผ่านสารสื่อประสาทจากเซลล์ตัวหนึ่งไปสู่เซลล์ตัวหนึ่ง ในการถ่ายทอดโมเลกุลของเม็ดแสงผ่านนิวรอนไปสู่ axon Den Drive ไปสู่สแน๊ป ผ่านแสงสว่างจากการรู้แจ้งที่เป็นโมเลกุลของอนุภาคโฟรตรอนที่ถูกปลดปล่อยออกมาในรอยเชื่อมต่อ ระหว่างเซลล์ต่างๆ ทำให้เกิดสารสื่อประสาทการส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างเซลล์ โมเลกุลของเม็ดแสงกลายเป็นสารสื่อประสาทกลายเป็นแสงแห่งการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดมโนภาพ Plasma ทำให้เกิดการฉายภาพขึ้นในมวลสมอง

“นี่แหละแสงแห่งการรู้แจ้งเป็นกรวยแสงแห่งการเปลี่ยนแปลงก็จะถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารจากโลกพลังงาน โลกจิตวิญญาณโลกควอนตั้มจิตที่อยู่ห่างไกลทั่วสากลจักรวาลภายนอกมาทำการเชื่อมต่อกับ 100,000 ล้านเซลล์สมอง”

ทำให้เกิดการสังเคราะห์คิดพิจารณามหาพิจารณาใน Data ที่ผ่านการประจุฝังความทรงจำกลายเป็นสัญญาเป็นชิปข้อมูลทุกมวลทุกบิท มาทำการรื้อล้างเพื่อประจุปลูกฝังชิปข้อมูลในบิทตัวใหม่ ทางเลือกสายใหม่ผ่านคลื่นความถี่ใหม่ ทำให้โมเลกุลของเม็ดแสง ผ่านการปฏิรูป กระบวนการ Photo Electric  เปลี่ยนรูปพลังงานให้กลายเป็นปฏิปสาร เปลี่ยนจากดวงแก้วดวงจิตกลายเป็นกิริยาปฏิกิริยาอันตรกิริยากลายเป็นสารสื่อประสาททำการเชื่อมต่อกับทางเลือกสายใหม่ เชื่อมต่อกับพระผู้สร้างโลกแห่งแสงสว่าง

เมื่อความเจริญก้าวหน้าของเวทย์วิทย์ได้ทำการปฏิวัติโลกา ผ่านโลกาภิวัฒน์มาอันยาวนาน ลูกหลานฝ่ายพระลูกหลานฝ่ายมาร ก็จะมานั่งดูหนังผ่านจอมือถือ ประจุปลูกฝังจิตสำนึก ใหม่ผ่านลัทธิโฆษณาชวนเชื่อผ่านการล้างสมองมายาวนานขนาดไหน

“เราลองหันกลับไปดูสิว่ามีรัฐบาลชุดไหนที่มีโครงการปลูกจิตสำนึกความเป็นไทยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกหลานไทย แถมมีบางยุคบางรัฐบาลบริหารประเทศด้วยอัตราธิปไตยเอาความคิดของตนเป็นใหญ่กลับไปยกเลิกหน้าที่พลเมืองศีลธรรมออกไปจากแบบเรียนการสอนเบื้องต้น”

“นี้คือการเซาะก่อนบ่อนทำลายจิตสำนึกของความเป็นไทย จากจิตใต้สำนึกของคนรุ่นใหม่ ความอัปรีย์จัญไรจึงถูกปลูกเข้าไปในจิตสำนึกใหม่ เพราะเราเลือกพรรคการเมืองกันแบบสิ้นคิด” นายวีระศักดิ์ ระบุ

เราจึงนำพาประเทศเข้าสู่รัฐบาลที่ไปประคองไข่โปรตะวันตก เพราะไปรับโปรโตคอลพิมพ์เขียวมาตามแผนจัดระเบียบโลกใหม่เพื่อตีให้แตกแล้วแยกกันปกครองเชือดเฉือนแผ่นดิน

“สันดานมารมันเป็นเช่นนี้คิดแต่เอาประโยชน์ชาติ เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนสามานย์ทุนนอกทุนในทุนเผาทุนดำ ทุนน้ำคลำประชาชาชนผลผลิตเกษตรกรเป็นเครื่องบวงสรวงสังเวยใลัทธิทุนนิยมทุนนิยมสามานย์ ผ่าน wto ผ่าน FTR  ผ่านกำแพงภาษี ผ่าน fsc eudr Carbon credit นำมาเป็นกฎกติกาข้อบังคับ แล้วผ่าน NGO ล้างสมองประชาชน

“คิดว่าคนจนชาวบ้านคือคนโง่เพื่อจะเชือดเฉือนประเทศนำประชาชนมาเป็นแบตเตอรี่โลกเป็นเชื้อเพลิงในการหมุนโลกหมุนลัทธิทุนนิยมสามาน ลัทธิบริโภคนิยมเพื่อสูบทรัพยากรแร่ธาตุและความมั่งคั่งจากประเทศด้อยพัฒนาไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างถูกต้องตามกฎหมายสากล ผ่านการจัดระเบียบโลก”


นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า  อาจจะเป็นรัฐศาสตร์ระบบใหม่ ทมาจากกลไกของนิวตันกลับออกแบบเศรษฐศาสตร์การเมืองการปกครองละทิ้งภูมิปัญญาบรรพกาลความเป็นชาติไทย จากแก้วฟ้าธาราวดีสีรุ้งเชียงรุ้ง 4,000 ปีก่อนพุทธกาลสืบตำนานลงมามาถึงอโศการามละโว้ลพบุรีกรุงศรีอโยธยาลืมพระนารายณ์อวตาร

“นี่มีการต่อท่อข้อโซ่รับองค์ความรู้จากซีกโลกมาล้างสมองคนรุ่นใหม่ให้กลายเป็นเครื่องยนต์กลไก เป็นเพียงแบตเตอรี่โลกทำงานรับใช้ทุนสามานครอบโลก เป็นขุมกำลังในการเคลื่อนโลกเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่”

ระหว่างความรู้ยิ่งกับความรู้แจ้ง ระหว่างพุทธะกับวิทยาศาสตร์ ระหว่างพระเนตรแห่งความรู้แจ้งกับสัพพัญญูผู้รู้จริงในสิ่งทั้งปวง ระหว่างรสายณเวทย์กับฤทธิ์อภิญญา ระหว่างโลกวัตถุกับโลกของจิตนิยมที่อยู่เหนือธรรมชาติ ระหว่างพระผู้สร้างกับนักวิทยาศาสตร์ ระหว่างนักคิดในสายเวทย์วิทย์ต้องมาขับเขี้ยวเคี้ยวฟันกับศาสนาจักร

ต่างฝ่ายต่างก็มีวิชา อีกฝ่ายหนึ่งก็แสวงหาในความรู้ยิ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็ถือคบเพลิงแห่งความรู้แจ้ง ซึ่งเป็นเรื่องราว ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผ่านลัทธิความเชื่อที่มีอยู่เดิม

แต่เหล่านักบวชที่สืบสานสืบแสงได้แต่แบกคัมภีร์เอาไว้บนไหล่กันมายาวนานเกินไปจึงขาดการสังเคราะห์วิจัย โยนิโสมนัสิการ น้อมจิตน้อมใจ น้อมเข้ามาใส่ใจ อยู่เป็นเนืองๆ จริงพลาดท่าเสียที แก่ฝ่ายเวทย์วิทย์.

ภาพพุทธวิทยาศาสตร์ มองสถานการณ์โลกจะพบว่าฝ่ายมารฝ่ายพระ ฝ่ายผู้รุกรานต่างเผชิญชะตากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างทนทุกข์ทรมารแร้นแค้นและทยอยล้มสลาย แต่ฝ่ายปกป้องมาตุภูมิกลับสำราญ และไม่ยำเกรงต่อความตาย
“ปัจจัยการเกิดสงครามที่ฝ่ายหนึ่งรุกสร้างทำนบกั้นโอมล้อม มาตุภูมิฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายจึงจำเป็นต้องมาปกป้องมาตุภูมิเพื่อทำลายทำนบกั้น ฝ่ายหนึ่งก็ถูกรุกรานแย่งชิงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายหนึ่งก็จำเป็นต้องออกมาปกป้องมาตุภูมิแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ วันนี้จึงเห็นว่าทั้งทะเลดำ ทะเลแดง ทะเลทราย ต่างหลั่งเลือดเพื่อปกป้องมาตุภูมิ”

แต่การปกป้องมาตุภูมิจะเห็นฝ่ายพระกลับสุขสำราญกับการปกป้องมาตุภูมิเข้าสู่อ้อมอกพระผู้เป็นเจ้าพระผู้สร้าง จะเห็นว่าจะล้มตายบาดเจ็บกันระเนระนาด จากการกระทำของผู้รุกราน

“จนปรากฎการณ์ต่อสากลโลกเป็นอาชกรสงคราฆ่าลางเผ่าพันธุ์ จนได้เป็นบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ไว้ได้ศึกษาของชาวโลกอีกเล่มหนึ่ง และจะมองได้ว่าฝ่ายพระ ฝ่ายมารฝ่ายใดจะเป็นนิรันดร์เป็นที่ศรัทธาของสากลโลก”

และจากอุปนิสัยพฤติกรรมการกดขี่รุกราน แต่ฝ่ายพระก็ไม่ได้หวั่น กลับส่งขวัญกำลังใจและเสริมทัพเข้าร่วมฝ่ายพระจากภาคประชาชน จะเห็นว่าชาวทะเลแดงเยเมนโดยเฉพาะฮูตีภาคประชาชนที่ติดอาวุธและใช้อาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เข้าร่วมสมทบถึง 17 ล้านคน และภาคประชาชนแถบทะเลแดงไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน ชาวทะเลแดง ชาวทะเลทราย  จากภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ต่างให้การสนับสนุนตั้งแต่ 70 % และ 100 % จากกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

“ทั้งนี้หากผู้รุกรานใช้กำลังเข้าสู่ภาคพื้นดิน จะกลายเป็นสุสานนักรบตู้เย็นกลาง ในทะแดงทะเลทราย โดยทุกฝ่ายกำลังรอคอย”.