บุกรวบยกแก๊ง “โจรกรรม-ฟอกขาวรถ” ตระเวนเช่ารถแล้วเชิดหนี


ตำรวจสอบสวนกลางบุกทลายขบวนการ “โจรกรรม-ฟอกขาวรถ” ตระเวนเช่ารถแล้วเชิดหนี ก่อนปลอมเอกสารเจ้าของรถ ยื่นแจ้งเปลี่ยนทะเบียน เพื่อฟอกขาวรถที่ถูกขโมยให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย พบเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เปิดปฏิบัติการจับกุมขบวนการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยรถเช่า ด้วยการปลอมแปลงเอกสารราชการ ตบตาเจ้าหน้าที่เพื่อขอเปลี่ยนเลขทะเบียน เปลี่ยนจากรถที่ผิดกฎหมายให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย ก่อนจะประกาศขายผ่านโซเชียลมิเดีย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 ราย (จากผู้ต้องหาทั้งหมด 9 ราย) โดยกลุ่มผู้ต้องหามีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ดังนี้
• กลุ่มตัวการ (Master Mind) ทำหน้าที่สั่งการและเป็นนายทุน
1) น.ส.ภัทราดา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี
2) นาย ธราเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี
• กลุ่มที่ทำหน้าที่โจรกรรมรถ
3) นายโชคชนะ (สงวนนามสกุล) อายุ 66 ปี
4) น.ส.รำไพ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
5) นายวรุฒ (สงวนนามสกุล) *ยังไม่ถูกจับกุม อายุ 26 ปี
• กลุ่มที่ทำหน้าที่ปลอมและใช้เอกสารราชการฯ ในการฟอกขาวรถที่ได้มาจากการโจรกรรมให้กลายเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย
6) น.ส.รัตนาภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี
7) นายสิปปวินฬ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี
• ส่วนที่ทำหน้าที่โพสต์ประกาศขายรถที่ฟอกขาวแล้วลงในโซเชียลมิเดีย
8) น.ส.รัมภ์วิริน (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี
• ส่วนทำหน้าที่รับ-ส่งรถที่ได้มาจากการโจรกรรม (นักบิน)
9) นาย ไชยวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี
โดยผู้ต้องหาทั้ง 9 รายถูกดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันยักยอกหรือรับของโจร, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานฯ, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ” ตามหมายจับของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงวันที่ 17 มีนาคม 2568
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ได้มี นายโชคชนะฯ, น.ส.รำไพฯ และ นายวรุฒฯ ซึ่งเป็นกลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ขโมยรถเช่า ทำทีติดต่อขอเช่ารถจากบริษัทของ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ตั้งอยู่ใน จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อถึงกำหนดคืนรถ น.ส.เอ ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกลุ่มคนร้ายได้ และพบว่าสัญญาน
จีพีเอสถูกตัดไป จึงเชื่อว่ารถถูกขโมยอย่างแน่นอนและได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.แสนภูดาษ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยรถ
ต่อมา วันที่ 7 มกราคม 2568 น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้ตรวจสอบข้อมูลรถยนต์ผ่าน แอพพลิเคชั่น “ทางรัฐ” พบว่า รถคันดังกล่าวได้มีการแจ้งเปลี่ยนทะเบียนรถ จากหมายเลขทะเบียน กบ 2812 ฉะเชิงเทรา ไปเป็น หมายเลขทะเบียน กอ 5657 นครปฐม ผู้เสียหายจึงได้โทรประสานขอความช่วยเหลือมายังตำรวจทางหลวง ผ่านสายด่วน 1193 เพื่อขอให้ช่วยติดตามรถคันดังกล่าว ซึ่งจากการประสานความร่วมมือจากกรมการขนส่งทางบก ทำให้ทราบว่า เอกสารทั้งหมดที่กลุ่มคนร้ายใช้ยื่นเพื่อขอเปลี่ยนเลขทะเบียนรถเป็นปลอมทั้งสิ้น
ต่อมา วันที่ 8 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ตรวจพบว่า รถยนต์คันดังกล่าว (ภายหลังจากเปลี่ยนป้ายทะเบียน) ได้ออกจาก จ.นครปฐม มุ่งหน้าขึ้นเหนือ จึงได้ประสานสกัดรถยนต์คันดังกล่าวได้ที่ จ.ตาก จากการตรวจสอบ พบนายบี (นามสมมติ) เป็นผู้ขับขี่ รับว่ารถคันดังกล่าว นายบี ได้เห็นการประกาศขายผ่านโซเชียลมิเดีย โดยเป็นการขายพร้อมเล่มคู่มือจดทะเบียน ตนจึงเชื่อว่าเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ติดต่อขอซื้อมาในราคา 300,000 บาท และได้เดินทางไปรับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากปั้มนน้ำมันแห่งหนึ่งจาก จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะถูกสกัดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้นำรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมและเชิญตัวนายบีเดินทางกลับมาที่สถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
จากการสืบสวนทำให้ทราบว่าขบวนการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยรถเช่ากลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ได้แก่กลุ่ม 1) กลุ่ม Master Mind ทำหน้าที่สั่งการและเป็นนายทุน 2) กลุ่มที่ทำหน้าที่ขโมยรถเช่า 3) กลุ่มที่ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อใช้ยื่นขอทะเบียนใหม่พร้อมกับเล่มคู่มือจดทะเบียน (การฟอกขาวรถยนต์ที่ถูกขโมยมา) 4) ส่วนที่ทำหน้าโพสต์ขายรถยนต์ที่ฟอกขาวเรียบร้อยแล้วในโซเชียลมิเดีย 5) ส่วนที่ทำหน้าที่เป็นนักบิน รับส่ง-รถที่ได้มาจากการโจรกรรม
จากนั้น ในวันที่ 17 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.2 บก.ทล. ร่วมกับ พนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ ได้ทำการสืบสวนและรวมรวบพยานหลักฐาน จนสามารถยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา และในวันที่ 18 มีนาคม 2568 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ท.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.2 บก.ทล. กว่า 30 นาย เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด
โดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายได้ทำการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยโดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 4 คัน พบเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป