ชาวสวนผลไม้ใต้ลุยเปิดศูนย์รับซื้อส่งป้อนเครือข่ายทั่วไทยรับมือผลผลิตล้นตลาด


เกษตรกรกลุ่ม“รากหญ้า” ยกระดับรับมือ “ผลไม้” ล้นตลาดปี 68 เปิดศูนย์รับซื้อขายส่งขายเครือข่ายทั่วใประเทศ ป้องกันความเสี่ยงราคา ข้าวสังข์หยด พร้อมยกระดับอาชีพ กาแฟ ทุเรียน เข้าเสริมทัพ และขยายศูนย์รับซื้อน้ำยางสด
นายชำนาญวิทย์ ขุนจำนงค์ ผู้จัดการ กลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ได้ประชุมหน่วยเกษตรกรรมกลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมด จำนวน 33 กลุ่มสมาชิกเกือบ 2,000 คน ระหว่างวันที่ 3-13 มีนาคมา 2568 เพื่อแจ้งผลดำเนินการและแผนงานรองรับในปี 2568 นี้
ทั้งนี้ ในปี 2568 ทางกลุ่มได้มีมติจากผลการประชุมคณะกรรมการ จะมีการขยายการลงทุนโดยขยายศูนย์รับซื้อน้ำยางจากจากสมาชิกเพื่อนำไปแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า ขึ้นอีก 1 ศูนย์ จะให้ครอบคลุมพื้นที่ในการอำนวยความสะดวกรับซื้อขายน้ำยางจากสมาชิก รวมเป็น 3 ศูนย์ พร้อมเปิดศูนย์รับซื้อขายผลไม้ประจำฤดู ปี 2568 โดยเฉพาะมังคุด ที่จะออกผลผลิตประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน ทั้งเพื่อให้สมาชิกจะมีรายได้ที่ดีจากราคาที่สอดรับกับตลาด ทั้งนี้จะสามารถป้องกันเรื่องดีมานด์ซัพพลายที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะเรื่องความเสี่ยงทางด้านราคา
นอกนั้นยังมีการับซื้อข้าวสังข์หยด จากสมาชิกในราคา 15,000 บาท / ตัน ทั้งนี้ทางกลุ่มมีคู่ทำสัญญา และตลาดรองรับข้าวสังข์หยด กับผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป โดยมีความต้องการจำนวน 10 ตัน / ปี ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่ม สามารถซื้อขายรวบรวมผลิตได้เกือบ 5 ตัน / ปี ซึ่งยังขาดอยู่จำนวนหนึ่ง
“สำหรับข้าวสังข์หยดของกลุ่ม ผลิตเป็นข้าวสังข์หยดอินทรีย์เนื่องจากนาข้าวสังข์หยดอยู่บริเวณต้นน้ำเทือกเขาบรรทัดเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ที่เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เจือปนสารอินทรีย์ของเทือกเขา ส่งผลให้ผลข้าวสังข์หยดมีผลผลิตที่มีคุณภาพที่ดีด้วย
และในขณะเดียวกันทางกลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมด ยังได้เดินทางไปศึกษาดูงานยังสถาบันกลุ่มเกษตรกรหลายกลุ่ม ที่ จ.ชุมพร ตามนโยบายของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เช่น กลุ่มสวนทุเรียน สวนกาแฟ ฯลฯ ที่ประสบความสำเร็จ เช่น กลุ่มปลูกทุเรียน ที่มีผลประกอบการที่ใช้ต้นทุนต่ำประมาณ 300,000 บาท แต่สามารถขายทุเรียนได้ประมาณ 4 ล้านบาท จากจำนวนกว่า 15 ไร่ ซึ่งสวนทุเรียนใช้ระบบเทคโนโลยีอินทรีย์ น้ำหมัก และกลุ่มปลูกแปรรูปกาแฟโรบัสต้า ซึ่งมีผลประกอบการกำไรประมาณ 10 ล้านบาท / ปี
ทางกลุ่มเกษตรกรทำนาตะโหมด จึงได้มีแนวทางโดยการนำโมเดลกาแฟโรบัสต้า มาดำเนินการให้กับสมาชิกผู้สนใจที่จะลงทุนปลูกกาแฟเสริมผสานกับพืชตัวอื่น ๆ ซึ่งจะดำเนินการปลูกเป็นแปลงสาธิต ที่บริเวณคลังสินค้าของกลุ่ม ในปี 2568 ซึ่งทางสมาชิกจะสามารถนำไปดำเนินการได้
สำหรับกาแฟในปัจจุบันตลาดในประเทมีความต้องการสูงมาก และไทยผลผลิตกาแฟยังไม่พอต่อความต้องการ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จำนวนหลายหมื่นตัน / ปี
“ปัจจัยสำคัญตลาดกาแฟที่ได้ขยายตัวมาอย่างต่อเนื่องและราคาก็ดี เพราะผู้บริโภคขยายตัวเพิ่มขึ้น และจากการขยายตัวประชากรภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน และที่สำคัญอีกประเด้นหนึ่ง คือการท่องเที่ยวไทยที่ขยายตัวเติบโตมากขึ้นจากที่มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวไทยปริมาณหลายสิบล้านคน / ปี ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มมีการขยายตัวเติบโตขับเคลื่อนไปทุกพื้นที่ โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจการค้าและย่านการค้าการท่องเที่ยวทุกพื้นที่”