“กลุ่มทอผ้าบ้านคำโพนทอง” สร้างแบรน์ 3 ฤดู ผ้าขาวม้าถิ่นไทยบุกตลาด

“กลุ่มทอผ้าบ้านคำโพนทอง” สร้างแบรน์ 3 ฤดู ผ้าขาวม้าถิ่นไทยบุกตลาด





Image
ad1

ถ้ากล่าวถึง “ผ้าขาวม้า” เชื่อว่าคนไทยมีความภูมิใจไม่น้อย ที่อยู่คู่สังคมและวิถีชีวิตประจำวัน กลายเป็นสิ่งของจำเป็นและคู่กายมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะว่าแต่ละท้องถิ่นทั่วไทย จะต้องมีไว้ประจำบ้าน แม้ว่า กาลเวลาที่ผ่านไปยาวนาน แค่ไหน “ผ้าขาวม้า” แบบไทยๆยังกลายเป็นแฟชั่นนิยมของคนรุ่นใหม่ ที่นำมาตัดแปลงพัฒนาการออกแบบไปตามยุคสมัย จนกลายเป็นแฟชั่นไทยบนเวทีระดับโลก

ความนิยม “ผ้าขาวม้า” ที่คนไทยนิยมใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากว่ามีคุณประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การใช้คลุมผม ห่มแก้หนาว ใช้เช็ดเหงื่อ เช็คตัว จวบจนปัจจุบันที่มีการนำผ้าขาวม้ามาประยุกต์ใช้ในงานแฟชั่น ตั้งแต่การออกแบบลวดลาย สีสันงานดีไซน์ ภายใต้การสนับสนุนองค์กรภาครัฐที่จะผลักดันเอกลักษณ์แสดงความเป็นไทย ให้เป็น Soft Power ของไทย ซึ่งอยู่ในระหว่างการนำเสนอขึ้นเป็นทะเบียน “มรดกทางวัฒนธรรม” ที่จับต้องไม่ได้ของมนุตยชาติ

หนึ่งในกลุ่มทอผ้าบ้านคำโพนทอง (ด่านเหนือแพรฝ้าย) ที่มีการรวมตัวกันของพี่น้องเกษตรกร ที่ยึดอาชีพหลักทำนา เลี้ยงสัตว์ในหมู่บ้าน หันมาร่วมแรง ร่วมใจ ผลิตผ้าขาวม้า เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน และหล่อเลี้ยงครอบครัวได้อย่างแข็งแกร่ง

เจ๊หน่อย-สุภัทรา สารจันทร์  วิสาหกิจชุมชน กลุ่มทอผ้ามัดหมี่ บ้านด่านเหนือทอ (กลุ่มทอผ้าคำโพนทอง)จ.กาฬสินธุ์ ที่คลุกคลีการผลิตและการขายผ้าขาวม้ามายาวนาน เล่าว่า ปัจจุบันตลาดผ้าขาวม้ายังนิยมกันทั่วประเทศ ส่วนหนึ่งจากการผลักดันภาครัฐที่ช่วยสนับสนุน โปรโมทให้เป็นที่รู้จักกันเป็นวงกว้าง สามารถนำผ้าขาวม้าแบบไทยๆไปต่อยอดในการผลิตเสื้อผ้าแฟชั่น ของใช้ได้หลากหลาย เพื่อให้มีความสวยงามตามสมัยนิยม

นอกจากนี้ ยังเปิดตลาดให้ไปจำหน่ายในงานมหกรรมต่างๆ สินค้าโอทอป ซิตี้และตามภูมิภาคต่างๆ ของกลุ่มพัฒนาชุมชน งานจำหน่ายสินค้าของกลุ่มพาณิชย์จังหวัด และงานแฟร์ต่างๆ สินค้าประชารัฐ  งานเหล่านี้สามารถนำสินค้าไปขายแล้ว ยังช่วยการโปรโมทสินค้าและแบรนด์ของกลุ่มไปในตัวด้วย

สำหรับตลาดต่างประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากพี่น้องชาวอีสานและที่อาศัยอยู่ตามภาคต่างๆ ที่มีสามีเป็นชาวต่างชาติ นิยมซื้อไปเป็นของฝาก เนื่องจากเป็นสินค้าผ้าทอมือนำมาจากเมืองไทย ที่ผลลิตจากฝีมือชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น ค่อนข้างที่ได้รับความสนใจและมีคุณค่ามาก เพราะว่าผ้าขาวม้าไทยขึ้นชื่อ

ขณะเดียว ตลาดในประเทศ ส่วนใหญ่กลุ่มลูกค้าจะซื้อเป็นของฝาก หรือนำไปแจกเป็นของที่ระลึก งานประเพณีต่างๆ แถวทางภาคเหนือและอีสาน อย่างวันผู้สูงอายุจะนำผ้าขาวม้าไปมอบใหญ่ ผูกเอว ผู้หลัก ผู้ใหญ่กัน ยิ่งภาครัฐสนับสนุนให้มีการส่งเสริมแต่งผ้าไทย เป็นเรื่องที่ดีต่อผู้ผลิตผ้าขาวม้า นำไปใช้ประโยชน์มากมาย ทั้งทำหมวก ถุงผ้าขาวม้า กางเกงเป็นต้น 
 

“อีกอย่างผ้าขาวม้า เป็นสินค้าที่ราคาไม่สูง จับต้องได้ ราคาแค่หลักร้อยขึ้นไป  แต่มีคุณประโยชน์อย่างมากมาย อย่างตนค่อนข้างผูกพันธ์กับผ้าข้าวม้ามาตั้งแต่เด็ก สมัยคุณพ่อ คุณแม่นำมาเป็นผ้าคลุม เช็คตัว คลุมแก้หนาว โพกหัว จนได้หันมาทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าขาวม้า ซึ่งยุคนี้มีการทอผ้าขาวมากันหลายรูปแบบ อย่างผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ จนสามารถสร้างแบรนด์ 3 ฤดูมาจำหน่ายในตลาดได้ อย่างน้อยช่องทางหารายได้เกษตรกร หลังจากทำนา หันมาทอผ้าขายกัน เป็นอาชีพเสริม” เจ๊หน่อย-สุภัทรากล่าว
      
แนวโน้มธุรกิจผ้าขาวม้า ยังไปได้เรื่อยๆ เพราะคนไทยกับผ้าขาวม้า เป็นสิ่งที่คู่กัน แต่สิ่งที่ดีภาครัฐหันมาสนับสนุนและช่วยปลุกกระแสนิยมผ้าขาวม้า สามารถช่วยดึงดูดความสนใจให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้หันมานิยมผ้าขาวม้ามาใช้ประโยชน์ประจำได้ เพราะเด็กรุ่นใหม่ๆ นำผ้าขาวม้ามาประยุกต์ใช้ในการผลิตสินค้าต่างๆอย่างมากมาย รวมทั้ง ห้างสรรพสินค้าดัง นำสินค้าผ้าขาวม้าไทยไปขึ้นห้างจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว

อย่างน้อย ไทยทำ ไทยใช้ ช่วยกันสนับสนุนสินค้าชาวบ้าน เงินทองไหลเวียนสู่เศรษฐกิจฐานรากได้อย่างมั่นคง