ดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ HoReCa ของเอเชีย คาดเงินสะพัดกว่า 4 พันล้านบาท


“พิชัย” เปิดงาน THAIFEX – HOREC ASIA 2025 สุดยิ่งใหญ่ดันไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจ HoReCa ของเอเชีย คาดเงินสะพัดกว่า 4 พันล้านบาท
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน THAIFEX – HOREC ASIA 2025 งานแสดงสินค้าและบริการกลุ่มธุรกิจ HoReCa (ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่และการจัดเลี้ยง) ครบวงจร พร้อมผลักดันประเทศไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร-จัดเลี้ยงของเอเชีย โดยงานนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหอการค้าไทย (TCC) และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี (KM) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 มีนาคมนี้ ที่อาคาร 9-12 อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี
นายพิชัย กล่าวว่า “THAIFEX – HOREC ASIA 2025 เป็นงานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรม HoReCa ซึ่งครอบคลุมธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่และบริการจัดเลี้ยง โดยเป็นการจัดครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา ผลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริการหลังจากวิกฤตโควิด-19 ประกอบกับประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรม HoReCa เติบโตอย่างแข็งแกร่ง งานนี้จึงเป็นเวทีการค้าสำคัญที่เชื่อมโยงภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องในทุกส่วนของห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศกับไทย รัฐบาลจึงมุ่งมั่นขยายข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เพื่อเปิดตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ซึ่งล่าสุดเราได้ลงนาม THAI-EFTA FTA ซึ่งเป็น FTA ฉบับแรกของไทยกับกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงข้อตกลง THAI-Bhutan FTA และในอนาคตอันใกล้คาดว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลง FTA กับอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ แคนาดา และสหราชอาณาจักร ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างโอกาสทางการค้าที่สำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับภาคธุรกิจ HoReCa
THAIFEX – HOREC ASIA 2025 เป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอสินค้า เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม HoReCa โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 460 บริษัทจาก 25 ประเทศ (รวมประเทศไทย) นับว่ายิ่งใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมา ซึ่งความสำเร็จของงานนี้และการเติบโตของอุตสาหกรรม HoReCa สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางธุรกิจ HoReCa ในภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานและเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง ตลอดจนบุคลากรที่มีความสามารถ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมบริการระดับโลก”