"แอน-ณวัฒน์" จับมือรักกันคู่ธุรกิจ สร้างเวทีนางงามดังก้องโลก

"แอน-ณวัฒน์" จับมือรักกันคู่ธุรกิจ สร้างเวทีนางงามดังก้องโลก





Image
ad1

การเมืองไม่มีมิตร แท้และศัตรูถาวร ไม่ต่างจากวงการนางงาม ดังภาพที่ปรากฏของสองบิ๊กบอสผู้ยิ่งใหญ่วงการอุตสาหกรรมนางงาม “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” เจ้าของบริษัทผู้จัดการประกวดนางาม เวทีมิสยูนิเวิร์ส หรือบ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กับ “บอสณวัตน์ อิสรไกรศีล” เจ้าของมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล  ที่ในอดีตเคยเป็นคู่เอกปะทะคารมผ่านสื่อให้เห็นกันคนละข้างอย่างถึงพริกถึงขิง
   
วันนี้ฟ้าใส อะไรย่อมเกิดขึ้นได้ในโลกธุรกิจ จนสร้างความฮือฮาในวงการนางงามอีกครั้งในช่วงเดือนแห่งความรักครั้งนี้ อยู่ๆประกาศแถลงข่าวขึ้นเวทีกอดกันร่วมงานกัน เรียกเสียงกรี๊ดแฟนๆนางงามไม่น้อย ซึ่งเป็นปรากฎการณ์แบบนี้ ที่ไม่เห็นบ่อยครั้งในวงการ แต่สิ่งที่ทุกคนต่างดีใจและเห็นภาพครั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักของสองผู้ยิ่งใหญ่ในวงการ เหมือนกับหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง ที่จะต้องจับมือผนึกกำลังสำคัญในความร่วมมือกันทำอุตสาหกรรมนางงามให้ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในอนาคต ด้วยมันสมอง สองมือของคนไทย

เพราะ “บอสณวัตน์” เอง ถือว่าในแวดวงนางงามระดับโลก ไม่น้อยหน้าไปกว่าใครในการทำธุรกิจประเภทนี้ จนสามารถนำพาองค์กรเล็กๆเป็นรายแรกของเมืองไทย ที่เข้าไปจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจนสำเร็จ ในนามหุ้น “MGI” ครั้งหนึ่งเคยสร้างควาหวือหวาในกระดานหุ้นมาแล้ว
    
และเขายังสามารถต่อยอดธุรกิจมากมาย  สร้างรายได้อย่างที่น่าจับตามองของนักลงทุน และสร้างแบรนด์สินค้ามากมาย  จนทำให้แบรนด์มิสแกรนด์ก้าวสู่ความเป็น แบรนด์อินเตอร์จนสำเร็จในวงการประกวดอีกค่ายหนึ่งในฐานะที่คนไทย เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ในการจัดประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล ถือว่าติด1ใน5 ของโลก

ความพยามยามของคนชื่อ “ณวัฒน์” คนหนุ่มจากเมืองโอ่ง จะอยู่นิ่งๆไม่ได้ ด้วยสไตล์ออกสื่อทีไรสะเทือนทั้งวงการ มีความมุ่งมั่น โดยใช้ความพยายามกว่า 14 ปี   เพราะเชื่อว่าการดูถูกหรือการแข่งขันของตลาดสากลในการประกวดนางาม ที่เป็นศาสตร์หนึ่งของสงครามธุรกิจที่ซ่อนเร้นด้วยผลประโยชน์มากมาย ถือว่าเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างประเทศมหาอำนาจกับประเทศที่กำลังพัฒนา
     
ในฐานะที่ “บอสณวัฒน์” เป็นผู้จัดการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ และมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่น สองเวทีที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้ให้ชาวโลกได้รู้จักกัน ในฐานะที่เป็นมืออาชีพในการจัดการมายาวนาน ย่อมเห็นโอกาสธุรกิจและภาพลักษณ์เวทีนางงามระดับโลก จึงมีแนวคิดที่ไม่อยากให้เวทีนางงามที่กำลังจอดดรอป กลับมาฟื้นชีพอีกครั้ง หลังจากหลบๆซ่อนๆมานาน 14 ปี

เบื้องลึกแล้ว ที่แฟนๆนางงาม แรกๆเกิดข้อสงสัยกัน ว่าเขาไปคุยกันตอนไหน แต่บอสณวัฒน์พูดได้เต็มปาก คุยกันทุกตอน เพราะทุกอย่าง มันคือการแสดงบางส่วน ซึ่งตนและแอน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือในฐานะเกิดมาเป็น ประชาชนในประเทศที่กำลังพัฒนาในนาม “ประเทศไทย” 
     
จนในที่สุด วันนี้ เป็นอีกบริบทหนึ่งของคำว่า มิสยูนิเวิร์สและ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ซึ่งต่อจากนี้ไปจะขับเห็นการเคลื่อนให้เกิดมูลค่าผู้หญิง รวมถึง มูลค่าทางธุรกิจอย่างสูงสุด เพื่อเป็นแบบอย่างให้วงการนางงามแพลตฟอร์มอื่นๆได้เห็น สิ่งที่ต้องก้าวต่อไป  คือ จะต้องแข่งขันทางธุรกิจโซเชซียลค่อนข้างสูง เพราะเม็ดเงินโซเซียล และธุรกรรมทางการค้า เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับองค์กรบนโลกใบนี้

และไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่นอน  สำหรับบทสรุป การยืนอยู่บนเวทีนี้ สิ่งสำคัญต้องทำงานคู่ขนานกับ มิสยูนิเวิร์ส ออร์แกไนเชชั่น เวทีระดับโลก ที่ชาวโลกรู้จักกัน
        
ด้านแอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ กล่าวอีกว่า “การร่วมมือครั้งนี้ คือ ความเชื่อมั่นของอนาคตระยะยาว และความมั่นใจ สามารถสร้างพลังแห่งสตรีอีกครั้ง ให้สตรองและประสบผลสำเร็จได้ และยืนยันว่าตนกับณวัฒน์ เรารักกัน ไม่มีปลอมใส่กัน รักที่จะร่วมมือกัน รักที่องค์กรประสบผลสำเร็จ เรารักที่จะทำให้แฟนคลับมีความสุข และเรารักที่จะให้มงสามเกิดขึ้นในประเทศไทยสักที”

แน่อนอนการจับมือผนึกกำลังครั้งนี้ เชื่อว่ามิสยูนิเวิร์ส ออร์แกไนเชชั่น และ MGI จะสร้างสรรค์พลังอันยิ่งใหญ่ให้คนไทผู้หญิง และสร้างแรงบันดาลใจกับคนทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ออกสู่สายตาต่อไป
      
เพียงแค่มุ่งมั่น หันหน้าเข้าหากันร่วมพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานการประกวด ด้วยความคิดคนไทยให้กระหึ่มโลกต่อไป บนเวที มิสยูนิเวิร์ส ที่ไทยรับเป็นเจ้าภาพ ขอให้รักกันนานๆ