ตลาดน้ำมันมะพร้าว “ทรอปิคาน่า”ยิ้ม รับตลาดนักท่องเที่ยวเพิ่มปี'67 ปั้มยอด 270 ล.

ตลาดน้ำมันมะพร้าว “ทรอปิคาน่า”ยิ้ม รับตลาดนักท่องเที่ยวเพิ่มปี'67 ปั้มยอด 270 ล.





Image
ad1

การลงทุนคือความเสี่ยง ยุคนี้ไม่มีธุรกิจไหน ไม่เสี่ยง ถ้ารู้จักศาสต์การทำธุรกิจ มองเกมธุรกิจที่ขาด ลุกขึ้นสู้ไม่ยอมท้อถอย อาจไปได้รอด ดังเช่นหนุ่มใต้คนนี้  “ณัฐณัย นิลเอก” ทายาทนักธุรกิจท้องถิ่น อดีตคุณพ่อเคยเป็นนักธุรกิจภูธรเมื่อสมัยช่วง 20 ปีก่อน

ณัฐณัย เล่าว่า บริษัทคุณพ่อได้ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนัก หลังจากเจอสงครามอ่าวเปอร์เซีย  ส่งผลกระทบตลาดส่งออกไปประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถที่ส่งสินค้าไปขายได้ ต้องเผชิญเงินทุนหมุนในการทำธุรกิจไม่คล่องตัว จนมีหนี้สินผูกพันธ์ร่วม10 ล้านบาท ทำให้มีผลกระทบต่อธุรกิจครอบครัวอย่างหนัก จึงมีความจำเป็นเปลี่ยนไลน์ธุรกิจ เพื่อหันมาตั้งตัวกันใหม่

ดังนั้น ลองมาศึกษาดูว่าในท้องถิ่นบ้านเกิดมีอะไรดีบ้าง พบว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีมะพร้าวนิยมปลูกกันมากมาย จึงตัดสินใจมาลองใช้วัตถุดิบจากมะพร้าว ผลิตน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ออร์แกนิคใช้บริโภคได้ และยังพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นครีมหมักผม และน้ำมันทาผิวกันแดด บำรุงผิวพรรณได้ จึงได้ตั้งชื่อแบรนด์  “ทรอปิคานา ออยส์”

“น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นออร์แกนิค เหมาะสำหรับการบริโภคประจำวัน เนื่องจากว่าผลิตจากมะพร้าวพันธุ์ดีจากภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะเยื้อหุ้มเนื้อมะพร้าว จึงให้คุณค่าสารอาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์ในการลดไขมันเลวและเพิ่มไขมันดี เพิ่มความชุ่มชื้นต่อผิวและเส้นผม สามาถลดการสะสมแบคทีเรียในช่องปาก และช่วยเพิ่มความคุ้มกันให้กับร่างกาย” ณัฐณัย กล่าว

ช่วงแรกๆได้ผลิตสินค้าส่งขายในตลาดในประเทศเป็นหลัก ค่อนข้างมีกระแสตอบรับที่ดี แบรนด์ทรอปิคานาเริ่มเป็นที่ยอมรับในตลาด จึงได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานรัฐ ทั้งพัฒนาชุมชนในท้องที่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีการฝึกอบรวมให้ความรู้ด้านต่างๆให้กับนักลงทุน จึงทำให้สามารถสร้างคอเน็กชั่นให้กลุ่มนักธุรกิจได้กว้างขึ้น โดยตลาดโลชั่นจากน้ำมันมะพร้าว ค่อนข้างได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศสูง เมื่อกลุ่มลูกค้าเคยทดลองใช้แล้ว เห็นผลดี จึงบอกต่อเพื่อนๆยังต่างประเทศ จึงเป็นช่องทางสร้างการรับรู้แบรนด์รวดเร็วขึ้น

ส่วนตลาดในประเทศได้มีโอกาสนำสินค้ามาออกงานเทศกาลต่างๆ จึงเป็นการโปรโมทสินค้าไปในตัว อย่างตอนนี้ลูกค้ากลุ่มต่างชาติ อย่างรัสเซีย ยูเครนค่อนข้างนิยมกันมาก จึงทำให้บริษัทหันมาบุกตลาดย่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อย่างภูเก็ต สมุย กระบี่พัทยา เชียงใหม่ ซึ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวนิยมมาตากอากาศกัน ปัจจุบันมีสินค้าอยู่ 90 ชนิด โดยมีโรงงานผลิตสินค้าตั้งอยู่จ.นครปฐม โดยแบ่งสัดส่วนการทำตลาดจำหน่ายในประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกไปจำหน่ายตลาดต่างประเทศ แถบเอเชีย อย่างจีน ฮ่องกง และยุโรป 

แนวโน้มการเลือกใช้จากวัตถุดิบจากธรรมชาติ เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเอเชียและยุโรป หันมานิยมสินค้าประเภทนี้ เมืองไทยค่อนข้างโชคดีที่มีแหล่งเพาะปลูกมะพร้าวมากมาย สามารถนำวัตถุดิบมาสกัดผลิตสินค้าได้หลากหลายประเภท ประกอบกับราคาไม่สูงมาก สามารถแข่งขันแบรด์ต่างประเทศได้ 

ทางบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญ เรื่องการทำ R&D (การทำวิจัย) ค่อนข้างสูง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ใช้งบประมาณค่อนข้างสูงต่อปี ส่วนเป้ายอดขายปีนี้วางไว้ 250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทำยอดขายแค่ 176 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเพิ่ม และยังเพิ่มสัดส่วนการส่งออกอีกด้วย