ดาราสาวทายาทพันล้าน ยันทำธุรกิจส่งออกจริง ย้ำชดเชยให้ลูกค้าหมดแล้ว

ดาราสาวทายาทพันล้าน ยันทำธุรกิจส่งออกจริง ย้ำชดเชยให้ลูกค้าหมดแล้ว





Image
ad1

“จ่าคิงส์“ ไหว้ขอโทษ “อายวรา ไพรินทร์” ดารานักแสดง แถลงผลสรุปกองปราบฯ ปิดคดีฉ้อโกงประชาชนชักชวนส่งสินค้าไปขายดูไบ/บาห์เรน ด้าน ดารานักแสดงสาวยันมีการประกอบธุรกิจส่งออกจริง และในเรื่องความผิดพลาดการบริหารงาน ก็ได้มีการชดเชยให้กับลูกค้าแล้ว

วันนี้ (26 มิ.ย 67) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. จากกรณีจ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ และ นายณัฐปกรณ์ สุดชา หรือ ทนายเจส พากลุ่มผู้เสียหาย จำนวนรวมกว่า 20 คนเข้าพบ พงส.บก.ป.เมื่อ 20 ธ.ค.66 และ 12 ก.พ.67 แจ้งความดำเนินคดีกับดาราสาว อาย วนาไพรินทร์ ธนวริสพร นักแสดงจากซีรี่ย์ดัง สงครามสมรสข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วยการจัดคอร์สอบรม และชักชวนทำธุรกิจส่งสินค้าอุปโภคบริโภคไปวางจำหน่ายในห้างดังที่ดูไบและประเทศบาห์เรน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

ต่อมานายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้พา อาย-วราไพรินทร์ ธนวริสพร อายุ 31 ปี ดารานักแสดงสาวชื่อดัง จากเรื่อง“สงครามสมรส”ทายาทธุรกิจพันล้าน เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ป. โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาประกอบการชี้แจงยืนยันแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยเปิดเผยว่า “มีการประกอบธุรกิจส่งออกจริง และในเรื่องความผิดพลาดการบริหารงาน ก็ได้มีการชดเชยให้กับลูกค้าแล้ว”

ซึ่ง ทนายรณณรงค์ ระบุว่า ทางกองปราบยังไม่ได้รับเป็นคดี ส่วนตัวคุณอาย ก็จะให้การเพิ่มเติม ตนดูแล้วไม่น่าจะเป็นการฉ้อโกง ซึ่งร้านก็มีจริง สินค้า/ของ ที่นำไปขายก็จริง แค่ขายได้ไม่ตามยอดเท่านั้น”เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างออกมาให้ข่าวมีการแถลงข่าวฝ่ายเดียว ทำให้ข้อมูลที่สื่อมวลชนนำไปรายงานข่าวไม่ครบถ้วนเพื่อความเป็นธรรม ทั้งสองฝ่ายจึงนัดกันมาแถลงข้อมูลที่ถูกต้องในวันนี้

จ่าคิงส์ กล่าวว่า ตนอยากจะขอโทษ อาย วนาไพรินทร์ ธนวริสพรจริงๆ ที่ไม่ได้ตรวจสอบเอกสารให้ ครบถ้วน และเอกสารก็ครบแล้ว ทางกองบังคับการปราบปรามก็ได้ยกฟ้อง อาย วนาไพรินทร์ เป็นที่เรียบร้อย และครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนของตน ที่เวลามีคนมาร้องขอความช่วยเหลือตนต้องเช็ค ข้อมูลหลักฐานให้ดีๆ ก่อนนำข้อมูลนั้น มาเผยแพร่บนสื่อสังคม สุดท้ายตนขอโทษจากใจจริง แบบลูกผู้ชาย ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด

อาย วราไพรินทร์ กล่าวว่า ตนคิดว่า จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตนได้รับผลกระทบหนักพอสมควร ซึ่งตนได้รับความเสียหายที่ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของหน้าที่การงาน และหน้าตาชื่อเสียงในสังคม โดยตลอดระยะเวลาที่เป็นข่าว ตนโดนตราหน้าว่าเป็น ดาราโกง ต้มตุ๋น มิจฉาชีพ ลูกค้ายกเลิกงานของตนทุกชิ้น มีผลกระทบต่อพาร์ทเนอร์ ธุรกิจอื่นๆ จะไม่ขอร่วมงานกับตน จนกว่าทุกอย่างจะเคลียร์ และตนไม่กล้าออกไปเจอเพื่อน และออกไปสังคม เพราะตนกลัวว่าจะโดนเพื่อนมอง ตนในทางที่ไม่ดี และเหตุการณ์ที่ตนรับไม่ได้ คือตนรับเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ชนิดยี่ห้อหนึ่งแล้วมีบุคคลมาคอมเม้น บอกว่าทำไมถึงเอามิจฉาชีพมาเป็นเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์นี้

ทำให้ตนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และตนเห็นเจตนาดีของจ่าคิงส์ ที่ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตนเสียหาย เพียงแค่เขาต้องการที่จะช่วยเหลือคนอื่น แต่เค้าไม่ตรวจสอบให้ดีเอง ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แน่นอนว่าตนอาจจะถูกกลั่นแกล้ง จากบุคคลที่ไม่ได้ชอบตน บุคคลเหล่านั้นชอบทักไปก่อกวน และพยายามขัดขวางเรื่องธุรกิจของตนทุกอย่าง สุดท้ายนี้ตนก็ขอให้จ่าคิงส์ ทบทวนบทเรียนครั้งนี้ และให้จ่าคิงส์ช่วยเหลือบุคคลอื่นๆต่อไป และตนก็จะกลับไปทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดก็หวังว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จและเป็นไปในทางที่ดีทั้งด้านของจ่าคิงส์และก็ตนต่อไป