ระทึก!เพลิงไหม้โกดังเก็บชิ้นส่วน โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าวอด


เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 25 มกราคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแห่งหนึ่ง ย่านแพรกษา ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงประสานรถดับเพลิงเทศบาลนครสมุทรปราการ เทศบาลตำบลบางปู และใกล้เคียง กว่า 20 คัน หน่วยบรรเทาสาธารณภัย และกู้ชีพกู้ภัย เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ ภายในมีอะไหล่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พบเพลิงกำลังลุกไหม้ภายในโกดังก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็ว มีเสียงระเบิดเป็นระยะ และโครงหลังคาเกิดทรุดร่วงลงมาด้านล่าง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังออฟฟิตของโรงงาน รวมถึงพื้นที่ข้างเคียง ขณะที่กำลังฉีดน้ำดับไฟอยู่กำแพงปูนของโรงงาน ซึ่งถูกความร้อนสะสมพังถล่มลงมาใส่ศีรษะของ นายนิมิต แก้วอิ้ม เจ้าหน้าที่บรรเทาภัยปราการ จนบาดเจ็บเป็นแผลที่จมูก เจ้าหน้าที่กู้ชีพให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งไปเย็บบาดแผลที่โรงพยาบาลเปาโลสมุทรปราการ
ขณะเดียวกัน นายสุพจน์ ภูติเกียรติขจร รองผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางมาเป็นผู้บัญชาเหตุการณ์ พร้อมด้วย นายพชร ศศิชาชยามร หน.ปภ.จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงจนสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ เบื้องต้นไฟได้เผาผลาญโกดังและสินค้าภายในโกดังจนเสียหายทั้งหมดรวมถึงออฟฟิศสำนักงานบางส่วน ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากขณะเกิดเหตุไม่มีพนักงานทำงาน ส่วนความเสียหายคาดว่าหลายสิบล้านบาท
จากการสอบถาม ผู้จัดการฝ่ายผลิตของบริษัทดังกล่าว บอกว่า บริษัทนี้เป็นโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์และชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์จุดที่ไหม้เป็น สโตร์เก็บชิ้นส่วนอะไหล่ ตนทราบว่าไฟไหม้เพราะลูกน้องแจ้งเข้ามา คือเขาได้กลิ่น จึงเดินทางมาดู ก็เห็นไฟกำลังไหม้ที่เก็บชิ้นส่วน ตนคาดว่าน่าจะเป็นไฟฟ้าลัดวงจร มูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้
คนงานอู่รถที่อยู่ติดกับโรงงานดังกล่าว เผยว่า ขณะเกิดเหตุตนนอนอยู่ในห้องใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้ง ก่อนที่จะมีเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง ตนเองจึงได้บอกพนักงานขับรถ ให้ช่วยนำรถบัสอกจากบริเวณดังกล่าว เนื่องจากกำแพงติดกับตัวโรงงานเกรงว่าเพลิงจะลุกลามไหม้รถบัส
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ และลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเชิญเจ้าของโรงงานไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่โรงพัก และจะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้