ยิ่งขับไล่ยิงพาโขลงช้างจากแปดริ้วยกพลมาสมทบเพิ่มยึดพื้นที่ป่าปราจีนฯ
ปราจีนบุรี -เจ้าหน้าที่สนธิกำลังใช้ช่วงกลางดึกจรดค่อนรุ่งผลักดันโขลงช้างป่ากลับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน แปดริ้ว หรือ จ.ฉะเชิงเทรา ( ในป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ระยอง และ จ.ฉะเชิงเทรา) จำนวนมากกว่า 100 ตัว(บวก) แต่กลับพบว่า ยิ่งไล่ยิ่งมีโขลงช้างป่าจากแปดริ้วยกพลโขลงช้าง อีก 60 ตัว(+) จ่อข้ามฝั่งเข้ามาเพิ่มอีกดึกนี
เมื่อเวลา 0.45 น. วันนี้ 7 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรี รายงานความคืบหน้า จากกรณีที่มีเหตุการณ์ช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา ( ในป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ระยอง และ จ.ฉะเชิงเทรา) จำนวนมากกว่า 100 ตัว(บวก) ยกโขลงออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เข้ามาในพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน มาไกลข้ามถิ่นที่อยู่เดิม ซึ่งเป็นไร่อ้อย บริเวณหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 11 ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้ ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ร่วมกับนายเผด็จ ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นายธานนท์ โสภิตชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายสมเกียรติ สุสัณพูลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกันลงพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และเข้าร่วมประชุมที่องค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรับทราบข้อมูลจากหน่วยงานและชุมชนในพื้นที่
ประกอบด้วย นางสาวภัทริน ภู่มณี นายกองค์การบริการส่วนตำบลวังท่าช้าง นายธนุวัฒน์ เมืองจันทร์ ปลัดอำเภอกบินทร์บุรี นายวัชรธรรม พรมสามสี กำนันตำบลท่าช้าง และนายแอ็ด ตะเภาพงษ์ ตัวแทนราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ ที่ประชุมได้ร่วมกันวางแผนเพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยรอ.รชฎฯได้ให้กำลังใจชุมชนและเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหาและผลักดันช้างป่าให้กลับคืนสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา
ผลการร่วมประชุมหารือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการในการผลักดันช้างป่ากลับคืนสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน โดยเป็นการบูรณาการสนธิกำลังร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดปราจีนบุรี และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดยใช้ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง(อบต.) เป็นสถานที่ตั้งศูนย์บัญชาการ มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 เป็นผู้บัญชาการ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) จำนวน 100 คน สำนักบริหารที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) จำนวน 100 คน และจังหวัดปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี องค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว และองค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้างจำนวน 50 คน รวมทั้งสิ้น 250 คน ในการจัดตั้งชุดปฏิบัติการเพื่อดำเนินการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า ให้กลับคืนสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป โดยให้มีการรายงานผลเป็นประจำทุกวัน ออกปฏิบัติงานในทันทีอย่างต่อเนื่องจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ นั้น
ล่าสุดวันที่ 6 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมคณะประกอบด้วย นางมาละนี จินดารัตน์ หน.สนง.ปภ.จ.ปราจีนบุรี พ.อ.ธนเดช แม่นปืน ผู้แทน กอ.รมน.จ.ปจ. นายเอก วงศ์จินดา ผู้แทนสนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี ออกตรวจเยี่ยมมอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงาน เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานชุดผลักดันช้างป่าตำบลเขาไม้แก้ว และตำบลวังท่าช้าง
โดยมีนางวัชราภรณ์ แตงหมี นายอำเภอกบินทร์บุรี นายประยูร สมโภชน์ นายก อบต.เขาไม้แก้ว นายวัชรธรรม พรมสามสี กำนันตำบลเขาไม้แก้ว นายสมภพ ปราตรัย กำนันตำบลวังท่าช้าง ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 , 11 ต.เขาไม้แก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่ บ้าน หมู่ที่ 11,4 ต.วังท่าช้าง และเจ้าหน้าที่ อบต.เขาไม้แก้ว ให้การต้อนรับคณะ
พร้อมทั้งบรรยายสรุปการดำเนินการผลักดันช้างออกจากพื้นที่ สาธิตการใช้โดรนติดตามช้างป่าในพื้นที่ และนำคณะตรวจดูพื้นที่ ที่มีช้างป่าเข้ามาทำลายผลิตผลทางการเกษตรของประชาชน ได้แก่ ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง จำนวน 3 จุด ดังนี้ จุดที่ 1 บริเวณไร่อ้อย บ้านคลองตามั่น หมู่ที่ 8 ต.เขาไม้แก้ว จุดที่ 2 บริเวณไร่อ้อยบ้านวังกวาง หมู่ที่ 11 ต.วังท่าช้าง จุดที่ 3 บริเวณสวนมันสำปะหลัง บ้านวังกวาง หมู่ที่ 11 ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
ล่าสุด ต่อมา เวลา 01.30 น. วันนี้ (7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ ช่วงหัวค่ำ ( 6ธ.ค.) จรดกลางดึกนี้ (7ธ.ค.) เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ประมาณ 150 คน ได้ปล่อยขวนแถว ผลักดันโขลงช้างป่า และ แม้ดึกดื่นยังอยู่ในพื้นที่ พร้อม กำลังผลักดันช้าง ทั้งนี้เหตุที่ต้องทำงานกลางคืนจรดดึกนี้ ช่วงช้างหากิน กลางวันแดดร้อนช้างจะพักผ่อนไม่หากิน จะอยู่กับที่ หากโดนรบกวนจะเกิดความโกรธ อาจแสดงอาการดุร้าย จะเป็นอันตราย เจ้าหน้าที่จึงทำงานกลางคืน น่าจะหยุดพักประมาณ 04.00 น.ค่อนรุ่งวันนี้ ( 7ธ.ค.) แล้วค่อยเริ่มผลักดันกันต่อในข่วงเย็นพรุ่งนี้ (8ธ.ค.) ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะผลักดันช้างเข้าป่าอ่างฤาไนจนครบทุกตัว
นายธนเกียรติ ไชยราษฏร อาสาสมัครเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า ต.วังท่าช้าง กล่าวว่า ช่วงกลางดึกนี้ มีการผลักดันโขลงช้างป่า รวมกว่า 30 ตัว (+) โดยใช้โดรนบินสำรวจ และกำลังคนเดินเท้าผลักดัน จากบ้านวังกวาง ต.วังท่าช้าง มุ่งหน้ามาพื้นที่ เขามะก่อง ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่ตนเองอาศัยอยู่ ในเขตรอยต่อพื้นที่ ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อเข้าป่ากระสอบ จ.ฉะเชิงเทรา ถิ่นที่อยู่อาศัยของโขลงช้างป่า
แต่โขลงช้างป่า ยังคงอยู่ในเขามะก่องตลอดคืนนี้ ยังไม่ผลักดันข้ามต่อ ทั้งนี้ ได้รับแจ้งว่า พบมีโขลงช้างป่า รวมจำนวนมากกว่า 60 ตัว(+) ที่ข้ามฝั่งมาจากห้วยกระโดด อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้ายกโขลงเข้ามาหน้าเขามะก่อง ฝั่ง ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต เพื่อข้ามฝั่งเข้ามาหากิน มุ่งหน้าต่อไปเข้ามาพื้นที่ป่าสะเดา ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เท่ากับ ยิ่งผลักดันกลับคืนถิ่นเดิมแปดริ้ว แต่กลับเพิ่มประชากรช้างป่าเพิ่มเข้าขึ้นอีก ในพื้นที่ปราจีนฯ นายธนเกียรติ กล่าว
โดย...มานิตย์ สนับบุญ-ข่าว/ทองสุข สิงห์พิมพ์ - ภาพ / ปราจีนบุรี