บก.ป.รวบ 2 กรรมการบริษัทแสบ หลอกคนทำงานต่างประเทศ

บก.ป.รวบ 2 กรรมการบริษัทแสบ หลอกคนทำงานต่างประเทศ





ad1

กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.สส.ภ.2 ร่วมกันจับกุม ดังนี้

1. นายวรินทรฯ อายุ 30 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 454/2566 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ในความผิด “ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากนายทะเบียนจัดหางานกลาง, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวง และร่วมกันฉ้อโกง”และพบว่ายังมีอีก 2 หมายจับคือ

- หมายจับของศาลอาญา ที่ 279/2566 ลงวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งต้องหาว่า “ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่น ว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สิน
หรือประโยชน์อื่นใดๆ ฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
- หมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ 319/2566 ลงวันที่ 7 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พรบ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์”

2. นายพัฒนชัยฯ อายุ 27 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 455/2566 ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ในความผิด “ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้หลอกลวง และร่วมกันฉ้อโกง”

สถานที่จับกุม
1.นายวรินทรฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) ถูกจับกุมที่ บริเวณหน้าห้องพัก โรงแรมแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 6 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
2. นายนายพัฒนชัยฯ (ผู้ต้องหาที่ 2) ถูกจับกุมที่ ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถนนพหลโยธิน ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ ก่อนจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองกลุ่ม ผู้เสียหายประมาณ 80 คน ได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่เป็นเหยื่อถูกหลอกลวงจากบริษัททัวร์แอบแฝง ส่งผีน้อยไปทำงานต่างประเทศ ใน Tiktok หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะพาไปทำงานเป็นผีน้อยด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่าสัมนา และมีวิธีช่วยให้ผ่าน ตม. ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กับผู้ต้องหาทั้งสอง เมื่อชำระเงินไป แล้วกลับไม่ได้ไปทำงานตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อขอเงินคืนกลับถูกผัดผ่อนเรื่อยมา ก่อนต่อมาจะถูกบล็อกช่องทางการติดต่อและไม่ยอมคืนเงิน อีกทั้งยังถูกผู้ต้องหาแจ้งความกลับจนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามหนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า ช่วงประมาณปี 2565 ได้พบเห็นประกาศรับสมัครหาคน ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ทางโซเชียลมีเดีย ให้รายได้ดี วันละ 8,500 เยนต่อวัน จึงเกิดสนใจ จึงได้ติดต่อทักไป หาคนที่โพสต์ประกาศ ก่อนมีการพูดคุยถึงรายละเอียดการทำงานจนผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินผู้ต้องหา เป็นเงินคนละ 29,990 – 100,000 บาท เป็นค่าดำเนินการ หลังจากโอนเงินให้ผู้ต้องหาแล้ว ได้มีการนัดหมายกำหนดวันที่จะเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ได้รับการเลื่อนวันเดินทางเรื่อยมาถึง 2 ครั้ง โดยอ้างว่า มีคนแจ้งเจ้าหน้าที่ ตม. และกรมแรงงาน ว่าจะมีการพาคนไทยไปทำงานผิดกฎหมายที่ประเทศญี่ปุ่น จึงยับยั้งการเดินทางออกไปก่อน โดยผู้ต้องหาได้ยื่นข้อเสนอให้ผู้เสียหายเป็น 2 ข้อ คือคนที่จะไปต่อ ก็จัดเดินทางอีกครั้ง ส่วนคนที่ไม่ไปต่อจะคืนเงินให้ ทำให้ผู้เสียหายแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มคนที่ไม่ไปต่อก็พยายามติดต่อขอเงินคืนแต่ก็ถูกผลัดวันออกไปเรื่อยๆ

โดยใช้ข้ออ้างต่างๆ ส่วนกลุ่มคนที่มีความต้องการที่จะไปต่อ กลับถูกเลื่อนการเดินทางออกไปเรื่อยๆ ไม่ได้เดินทางจริง จึงติดต่อขอเงินคืน แต่ก็ไม่เคยได้เงินคืน ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปร้องเรียนสื่อและเพจต่างๆ แต่เรื่องไม่มีความคืบหน้ามานานกว่า 3 เดือน ซ้ำยังถูกกลุ่มผู้ต้องหา ฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพราะข้อความบางส่วนที่กลุ่มผู้เสียหายคุยกันในไลน์กลุ่ม มีการพาดพิงถึง กลุ่มผู้ต้องหา จนกระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ได้ขออำนาจศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ

โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนจัดหางานกลาง, ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากผู้หลอกลวง และร่วมกันฉ้อโกง” ตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยาที่ 454/2566 และ 455/2566 ลงวันที่ 25 ส.ค.2566 ตามลำดับ

จนกระทั้งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป