เมืองพลโจรชุม!คืนเดียวตระเวนงัดบ้านฉกทรัพย์ 5 หลังซ้อน

ขอนแก่น-เมืองพลโจรชุม ชาวบ้านวอนตำรวจเร่งล่าคนร้ายสุดแสบ คืนเดียวก่อเหตุขโมย 5 หลังรวดเน้นย่องฉกเฉพาะโทรศัพท์และเงินสด

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 27 ก.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของชาวบ้านที่ถูกขโมยมา ซึ่งถูกทิ้งกระจัดกระจายออกจากกระเป๋า มีทั้งบัตรเอทีเอ็ม บัตรประชาชน ใบขับขี่ เกลื่อนอยู่พื้นในสวนหลังบ้านของชาวบ้านที่อยู่ข้างบ้านของนาง วราพันธ์ แดงควร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62 บ้านบุอ้ายตู้ ม. 7 ต.โนนข่า อ.พล จ.ขอนแก่น หลังถูกคนร้ายเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้านพักเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา

นางวราพันธ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเองและสามีพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน โดยมีกระเป๋า วางไว้ข้างหัวนอน ส่วนของสามีมีกระเป๋าอีกใบวางไว้บนหัวนอนตัวเองเช่นกัน โดยปูที่นอนนอนอยู่กลางบ้าน กระทั่งช่วงประมาณเกือบตี 5 ได้ยินเสียงดังที่บ้านเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านตนเอง แต่เข้าใจว่าเป็นหลานชายกลับบ้านตอนเช้า จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

"รุ่งเช้าสามีออกไปรับจ้างตัดหญ้า ตนเองทำงานที่บ้าน พอช่วงสาย สามีกลับบ้านมาถามหากระเป๋า จะออกไปเลี้ยงวัว ซึ่งก็แปลกใจเพราะไม่ได้เก็บไว้ให้ ก่อนจะมาทราบว่าถูกขโมยไป จึงพากันตรวจสอบทรัพย์สิน โดยพบว่ากระเป๋าตนเองที่วางไว้ถูกขโมยโทรศัพท์ไป 1 เครื่อง เงินสดจำนวนหนึ่ง ส่วนของสามีโทรศัพท์หายไป 1 เครื่อง และเงินอีกจำนวนหนึ่งเช่นกัน ส่วนบัตรประชาชน ใบขับขี่ ถูกนำไปทิ้งในสวนหลังบ้านของเพื่อนบ้านติดกัน หลังเกิดเหตุจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พล ให้ช่วยติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย"

ขณะที่ นายณรงค์ชัย เทพสันทัด ผญบ.บ้านบุอ้ายตู้ กล่าวว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น จากการตรวจสอบพบว่าเกิดเหตุช่วงตี 3 ถึง ตี 4 วันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีชาวบ้านซึ่งเป็นลูกบ้านถูกคนร้ายเข้ามาก่อเหตุขโมยทรัพย์สินไป 5 หลังติดกัน โดยบ้านของนางวราพันธ์ เป็นหลังสุดท้ายที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์ ซึ่งคนร้ายเลือกทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินสด และโทรศัพท์มือถทอ

 "คนร้ายก่อเหตุบ 5 หลัง ได้ทรัพยสิน์รวมเป็นโทรศัพท์ 6 เครื่อง เงินสดรวมหลายพันบาท และโน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ซึ่งภายหลังจากเกิดเหตุได้ออกค้นหาพยานหลักฐานช่วยทางตำรวจ ก็พอจะทราบเบาะแสและมีพิกัดว่าโทรศัพท์ที่ถูกขโมยไปนั้น อยู่ที่ จ.ระยอง โดยข้อมูลดังกล่าวได้ให้ตำรวจไปแล้ว ในส่วนของชุมชนก็จะเข้มงวดออกตรวจตรามากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุ และช่วยกันเป็นหูเป็นตาประชาสัมพันธ์ช่วยกันระวังเก็บทรัพย์สินมีค่าให้มิดชิดด้วย"