ตร.ทล.สกัดจับแก๊งขนแรงงานต่างด้าวอัดเเน่นเต็มกระบะ 10 ชีวิต

ตร.ทล.สกัดจับแก๊งขนแรงงานต่างด้าวอัดเเน่นเต็มกระบะ 10 ชีวิต





ad1

 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายประกิจฯอายุ 32 ปี สัญชาติไทยซึ่งเป็นขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและผู้ต้องหาแรงงานชาวเมียนมาร์อีก 9 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็กซ์ สีเทา จำนวน 1 คัน โดยสถานที่จับกุม ทางหลวงหมายเลข ๓๓๓ กม.60 (ขาเข้า อ.อู่ทอง) หมู่ที่ 9 ต.หนองขาม  อ.หนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี  

 ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ได้มีการสืบสวนจับกุมขบวนการนำพาหรือช่วยเหลือบุคคลแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในเส้นทางพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี อยู่บ่อยครั้ง จึงได้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ กทม. และ ปริมณฑล โดยใช้เส้นทางผ่าน จ.สุพรรณบุรี

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า จะมีการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย โดยใช้เส้นทางต้นทางจาก อ.วังเจ้า จ.ตาก ผ่าน จ.กำแพงเพชร-จ.นครสวรรค์-จ.อุทัยธานี- จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจึงได้ออกตรวจสังเกตการณ์ในเขตพื้นที่ตามที่ได้รับข้อมูล โดยพบรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น ดีแม็กซ์ สีเทา ขับขี่มาตามถนนด่านช้าง - อู่ทอง ทางหลวงหมายเลข ๓๓๓ กม.60 ขาเข้า อ.อู่ทอง ซึ่งลักษณะรถบรรทุกสิ่งของหนัก โดยสังเกตรถยนต์มีน้ำหนักมากกว่ารถยนต์ปกติ สอดคล้องต้องสงสัยว่ามีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการขนย้ายแรงงานต่างด้าว จึงได้ขับขี่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวในระยะประชิด และได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการเปิดสัญญาณไฟไซเรน และใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟน เพื่อให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อจะได้ทำการตรวจค้น เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงได้ยินเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถ จึงได้หยุดรถตรงบริเวณถนนด่านช้าง - อู่ทอง ทางหลวงหมายเลข ๓๓๓ กม.60 หมู่ ๒๑ ต.หนองมะค่าโมง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี

จากการตรวจค้นปรากฏว่าพบนายประกิจฯ แสดงตนเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอเข้าทำการตรวจค้น ปรากฎว่าพบผู้ต้องหาที่ 2-10 นั่งอยู่ภายในบริเวณช่องว่างด้านหลังผู้ขับขี่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ให้ผู้ต้องหาที่ 2-๑๐ แสดงเอกสารหลักฐานประจำตัว ตรวจสอบไม่พบเอกสารยืนยันตัวตนที่ราชการออกให้ สอบถามผู้ต้องหาที่ 2-๑๐ ไม่สามารถสื่อสารหรือพูดภาษาไทยได้ จึงได้ตรวจสอบเอกสารโดยละเอียด จากการตรวจสอบปรากฏว่าทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เเจ้งข้อกล่าวหาและได้ควบคุมตัวทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หนองหญ้าไซ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 ให้การรับสารภาพว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ไปรับผู้ต้องหาที่ 2 - ๑๐ ภายในป่าละเมาะห่างจากถนนพหลโยธินประมาณ ๑๐ กม. อ.วังเจ้า จ.ตาก ซึ่งมีนายเต้าฯ ติดต่อให้ไปรับผู้ต้องหาที่ 2 - ๑๐ ในบริเวณดังกล่าว เมื่อได้รับมาแล้ว นายประกิจฯ ให้การว่าได้เดินทางออกจากจังหวัดตาก   ผ่านจังหวัดกำแพงเพชร, อุทัยธานี, จนมาถึงจังหวัดสุพรรณบุรี และผู้ต้องหาได้รับเพิ่มอีกว่าได้ลักลอบขนย้ายบุคคลต่างด้าวครั้งนี้เป็นครั้งแรก ได้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนรายละ ๘00 บาท (จะได้รับค่าตอบแทนทั้งหมดเป็นเงิน จำนวน ๗,200 บาท หากเสร็จสิ้นการขนย้ายบุคคลต่างด้าว)

จากการสอบถาม บุคคลต่างด้าว/ผู้ต้องหาที่ ๒ โดยมี นางซันเอ อาสาสมัครล่าม แปลภาษาเมียนมาฯ ในการสอบถาม ให้การยอมรับว่า ผู้ต้องหาที่ ๒ - 10 ได้เดินทางมาจาก เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา โดยการนั่งเรือข้ามฝั่งมาทางช่องทางธรรมชาติ มาลงเรือที่ฝั่ง อ.แม่สอด จ.ตาก จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ ๓๐ นาที และจะมีรถยนต์กระบะมารับถที่บริเวณป่าละเมาะ เพื่อเดินทางต่อไป โดยบุคคลต่างด้าวทั้งหมด มีการติดต่อกับนายหน้าฝั่งประเทศไทยและประเทศเมียนมาหลายคน จะต้องจ่ายเงินเป็นค่าการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวนประมาณ ๒๒,000 บาท โดยได้จ่ายเงินให้นายหน้าชาวเมียนมาเป็นผู้รวบรวมเงินจากฝั่งประเทศเมียนมาก่อนออกเดินทางหลบหนีเข้าประเทศไทย