"จ่าคิงส์ สะพานใหม่"นำเหยื่อร้องกองปราบถูกหลอกซื้อขายหุ้น"ไอพีโอ"สูญเกือบ 200 ล้าน

"จ่าคิงส์ สะพานใหม่"นำเหยื่อร้องกองปราบถูกหลอกซื้อขายหุ้น"ไอพีโอ"สูญเกือบ 200 ล้าน





ad1

"จ่าคิงส์ พญาไทย"นำกลุ่มผู้เสียหายร้องกองปราบ ถูกหลอกซื้อขายหุ้น"ไอพีโอ"อ้างจะให้เงินปันผล 20-30% สุดท้ายปิดบริษัทหนี มูลค่าความเสียหาย 150-200 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. "จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่"พาตัวแทนผู้เสียหาย ชาวอุบลฯ ประมาณ 10 คน ถูกหลอกซื้อ-ขายหุ้น IPO บริษัทฯ แห่งหนึ่ง ถือไว้ 40-60 วัน จะมีกำไร 20-30% ทำให้สูญเงินไปกว่า 200 ล้านบาท แจ้งท้องที่คดีผ่านมาครบ 1 ปี ไม่มีความคืบหน้ามาร้องกองปราบฯ 

คดีนี้ กลุ่มผู้เสียหายประมาณ 10 คนเข้าร้องเรียนต่อศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้ช่วยสืบสวนกรณีการหลอกให้ซื้อหุ้น ipo ของบริษัทเคพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกเสนอขายในจังหวัดอุบลราชธานีรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะได้เงินปันผลจากการทำกำไรหุ้นดังกล่าวประมาณ 20% 

นายเอ. นามสมมุติ ผู้เสียหาย เล่าว่า ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว เป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน โดยรูปแบบผู้ก่อเหตุจะชักชวนตรงไปยังผู้เสียหายแต่ละคนเมื่อปลายปี 2564 ให้มาเป็นพนักงานขายหุ้นให้กับบริษัทดังกล่าวโดยจะได้รับเปอร์เซ็นต์จากการขายหุ้นทำกำไรประมาณ 20-30% จึงทำให้กลุ่มผู้เสียหายสนใจและมาสมัครเป็นพนักงานขายโดยมีการไประดมทุนเป็นเงินส่วนตัวและเงินจากกลุ่มญาติคนรู้จักในจังหวัดอุบลราชธานีมาลงทุนกับบริษัทดังกล่าว เฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานีประมาณ 50 ล้านบาท แต่หากรวมจากทั่วประเทศแล้วจะมีมูลค่ามากถึง150 ถึง 200 ล้านบาท โดยในช่วงแรกผู้ก่อเหตุจ่ายเงินปันผลให้ตรงตามที่ตกลงกันไว้ 1-2 งวด

จากนั้นก็เริ่มบ่ายเบี่ยงอ้างว่าบริษัทมีเงินลงทุนและผลกำไรเข้ามาในบัญชีของบริษัทมากผิดปกติจนทำให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือปปง. อายัดบัญชีของบริษัททั้งหมดจนไม่สามารถจ่ายเงินให้กับนักลงทุนได้ ก่อนจะตัดการติดต่อและหลบหนีไป จนทำให้ผู้เสียหายหลายคนได้รับความเดือดร้อนและเข้าแจ้งความกับหลายหน่วยงานทั้งตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI แต่ก็ไม่มีการออกหมายเรียกหรือหมายจับเนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายกระจายกันไปแจ้งความหลายหน่วยงานจนทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางคดีได้

ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้เสียหายหลายคนซึ่งเป็นพนักงานบริษัทได้รับความเดือดร้อนจากการไประดมเงินลงทุนและถูกแจ้งความดำเนินคดีในฐานะแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ครั้งนี้ผู้เสียหายที่ลงทุนกับบริษัทดังกล่าวมากที่สุดถึง 2 ล้านบาท 

อีกครั้งจากการตรวจสอบไปยังสำนักงานปปงพบว่าไม่ได้มีการอายัดเงินในบัญชีดังกล่าวและยังพบว่ามีการตกแต่งเลขงบดุลบัญชีและปลอมแปลงเอกสารเป็นจำนวนมาก

ครั้งนี้ล่าสุดพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้กลับมาตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับทหารยศนายพลและกลุ่มผู้ร่วมลงทุนอีกจำนวนมากซึ่งมีลักษณะคล้ายกับบริษัทที่กลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนจึงอยากให้ตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุทุกคน อีกครั้งพบว่าชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัทมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ด้านจ่าคิงส์ เผยว่า ทราบว่าคดีนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แม้เวลาจะผ่านมาหลายเดือนแล้ว อยากจะฝากถึง ผบช.ภ.3 ให้ช่วยดูแลพนักงานสอบสวนให้ความยุติธรรมผู้เสียหายด้วย พบว่ามีอดีตนายพลทหารนอกราชการร่วมเป็นที่ปรึกษาบริษัทดังกล่าว ที่มีการข่มขู่ผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย หากเป็นอะไรไปก็เชื่อว่าน่าจะมาจากสาเหตุที่อออกมาเปิดโปงพฤติการณ์ของบริษัทนี้

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายแจ้งความ สภ.เมือง อุบลราชธานี และยังร้องต่อ ดีเอสไอ  รวมทั้งมีบางส่วนได้ฟ้องร้องศาลเอง  จะได้สอบปากคำและรวบรวมหลักฐานเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป