ตำรวจจับกุมหนุ่มแสบลักรถยนต์ชาวต่างชาติ ตั้งใจนำออกขายตลาดมืดพบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง

ตำรวจจับกุมหนุ่มแสบลักรถยนต์ชาวต่างชาติ ตั้งใจนำออกขายตลาดมืดพบเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง





ad1

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล) ร่วมกับ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ ตำรวจสอบสวนกลาง (ศปจร.ก.) พร้อม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายสุวิทย์ฯ อายุ 32 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” สถานที่จับกุม ริมถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมของกลาง รถยนต์ สีน้ำตาล จำนวน 1 คัน

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายสัญชาติฟินแลนด์ว่า มีคนร้ายก่อเหตุลักรถยนต์ของผู้เสียหายไปจากบริเวณบ้านพักในตัวเมืองภูเก็ต แล้วหลบหนีไป ต่อมาผู้เสียหายได้ประสานขอความช่วยเหลือมายังตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายที่ลักขโมยเอารถยนต์ของผู้เสียหายไป

จากการสืบสวนของ ศปจร.ก. ทำให้ทราบข้อมูลว่า คนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้คือ นายสุวิทย์ หรือแจ๊ค ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกจับกุมในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด และลักทรัพย์ มาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2555 และปี พ.ศ.2560 กำลังขับรถยนต์ที่ลักขโมยมาได้ ขับขี่หลบหนีเจ้าหน้าที่ฯ จาก จ.ภูเก็ต มุ่งหน้ามายัง กทม. จึงได้ประสานข้อมูลกับ ตำรวจทางหลวง ให้กระจายกำลังออกตรวจในเส้นทางที่รับผิดชอบ จนกระทั่งพบรถยนต์คันของกลางกำลังวิ่งอยู่ บนถนนเพชรเกษม บริเวณ ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป.  จึงได้ขับติดตามอย่างกระชั้นชิด และพยายามส่งสัญญาณให้ผู้ต้องหานี้หยุดรถ แต่ผู้ต้องหากลับเร่งเครื่องพยายามหลบหนี และได้เลี้ยวเข้าบริเวณถนนลูกรังแล้วจอดรถคันดังกล่าวทิ้งไว้บริเวณชายป่า ก่อนจะวิ่งหลบหนีไป  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกระจายกำลังปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว จนสามารถจับกุมตัว นายสุวิทย์  หรือแจ๊คฯ ได้ ก่อนนำตัวผู้ต้องหา พร้อมรถยนต์ของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และส่งมอบรถยนต์คืนให้กับผู้เสียหายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับว่าก่อนก่อเหตุ ตนได้เข้าไปในหมู่บ้านของผู้เสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และสังเกตเห็นว่าบ้านของผู้เสียหายไม่ได้ล็อกประตูรั้ว และมีกุญแจรถวางอยู่บริเวณชั้นวางของใกล้กับประตูบ้าน จึงได้เข้าไปลักกุญแจ และใช้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวออกมา โดยตั้งใจจะนำรถยนต์คันดังกล่าวไปขายต่อ หรือจำนำกับผู้ที่รับซื้อรถยนต์ผิดกฎหมายต่อไป