โควิดโคราชยังดุ ! รอบ 1 สัปดาห์ ติดเชื้อรายใหม่ 11 คนต่อวัน ทำยอดป่วยสะสมพุ่งไม่หยุด

0 8

นครราชสีมา-โควิดโคราชยังดุ ! รอบ 1 สัปดาห์ ติดเชื้อรายใหม่ 11 คนต่อวัน ทำยอดป่วยสะสมพุ่ง สสจ.ชี้ กลุ่ม 608 กับกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรง อัตราตายสูง เร่งยกระดับดูแล รับภูมิคุ้มกัน LAAB ออกฤทธิ์ยาว

วันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้รายงานสถานการณ์โควิด 19 ต่อที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึง 6 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม จำนวน 18,164 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยสะสมที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง ต้องส่งเข้ารักษาตัวใน รพ. จำนวน 961 คน โดยรักษาหายแล้ว 891 คน ยังรักษาอยู่ 3 คน และเสียชีวิตสะสม 67 ราย เมื่อดูสถานการณ์รอบสัปดาห์ วันที่ 31 มกราคม 2566 – 6 กุมภาพันธ์ 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 76 คน หรือเฉลี่ยติดเชื้อวันละ 11 คน ในจำนวนนี้เข้ารักษาใน รพ. 1 คน ซึ่งกราฟแสดงยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ จะเห็นว่า เส้นกราฟเริ่มเชิดหัวขึ้นอีก ส่วนจำนวนเตียงรองรับใน รพ. สำหรับผู้ป่วยโควิด19 ที่อาการรุนแรงน้อย มีเตียงผู้ป่วยในอยู่ 1,092 เตียง มีผู้ป่วยอาการรุนแรงน้อย ระดับ 2 ครองเตียง จำนวน 58 เตียง และผู้ป่วยอาการรุนแรงน้อย ระดับ 3 ครองเตียง จำนวน 19 เตียง จะเหลือเตียงว่าง จำนวน 1,015 เตียง

จากการวิเคราะห์สถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พบว่า กลุ่ม 608 และกลุ่มที่ความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตมากสุด ต้องยกระดับการดูแลรักษา ด้วยการเร่งรัดฉีดวัคซีนและแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว LAAB (อ่านว่า แล็บ) พร้อมกับวางระบบการตรวจคัดกรอง ATK จะได้ทราบผลการติดเชื้อโดยเร็ว เพื่อส่งต่อเขารักษาได้อย่างทันท่วงที และให้แอ็ดมิท รับตัวไว้รักษาใน รพ. โดยให้ยาต้านไวรัสโดยเร็ว และรักษาตามความรุนแรงของโรคกับปัจจัยเสี่ยง ส่วนผู้ติดเชื้อกลุ่มที่ไม่มีอาการหรือสบายดี กับกลุ่มที่มีอาการไม่รุแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยง จะให้การรักษาแบบ OPD Case หรือเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาตามอาการหรือตามดุลพินิจของแพทย์ แต่สามารถกลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัว

ซึ่งผลดำเนินงานฉีดวัคซีนโควิด19 ของจังหวัดนครราชสีมา รายงานล่าสุด เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า จากประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับวัคซีน จำนวน 2,633,207 คน ได้รับวัคซีนเข็ม 1 ไปแล้ว 2,199,008 คน คิดเป็น 80.47% ,เข็ม 2 รับวัคซีนไปแล้ว 1,986,522 คน คิดเป็น 75.44% และรับเข็มกระตุ้นไปแล้ว 959,167 คน หรือคิดเป็น 36.43% ซึ่งเมื่อแยกเป็นรายกลุ่ม

1.กลุ่มผู้ป่วย 7 โรงเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ เป้าหมาย 678,583 คน ฉีดเข็มแรกไป 510,545 คน คิดเป็น 75.24 % เข็ม 2 ฉีดแล้ว 495,098 คน คิดเป็น 72.96 % และเข็มกระตุ้นฉีด 278,071 คน คิดเป็น 40.98 %

2.กลุ่มอายุ 18-59 ปี เป้าหมาย 1,473,798 คน ฉีดเข็มแรกแล้ว 1,266,879 คน คิดเป็น 85.96 % เข็ม 2 ฉีดแล้ว 1,193,990 คน คิดเป็น 81.01 % และเข็มกระตุ้นฉีด 611,029 คน คิดเป็น 41.46 %

3.กลุ่มนักเรียน-นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เป้าหมาย 176,883 คน ฉีดเข็มแรกแล้ว 176,883 คน คิดเป็น 100 % เข็ม 2 ฉีดแล้ว 169,812 คน คิดเป็น 96 % และเข็มกระตุ้นฉีด 46,240 คน คิดเป็น 26.14 %

4.กลุ่มเด็กเล็ด อายุ 5-11 ปี เป้าหมาย 163,131 คน ฉีดเข็มแรกแล้ว 159,096 คน คิดเป็น 97.53 % เข็ม 2 ฉีดแล้ว 124,475 คน คิดเป็น 76.30% และเข็มกระตุ้นฉีด 23,413 คน คิดเป็น 14.35 %

5.กลุ่มเด็ก อายุตั้งแต่ 6 เดือน ไม่ถึง 5 ปี เป้าหมาย 52,070 คน ฉีดเข็มแรกแล้ว 5,605 คน คิดเป็น 10.76 % เข็ม 2 ฉีดแล้ว 3,147 คน คิดเป็น 6.04 % และเข็มกระตุ้นฉีด 414 คน คิดเป็น 0.80 %

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกือบทุกกลุ่ม ฉีดเข็ม 1 และ 2 เกิน 60 % แล้ว ยกเว้นกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือนไม่ถึง 5 ปี เนื่องจากยังไม่ครบกำหนดฉีดเข็มกระตุ้น ส่วนเข็มกระตุ้นทุกกลุ่มยังฉีดกันน้อยมาก ไม่ถึง 50 %ทางจังหวัดฯ จึงเร่งรัดการณรงค์ฉีดเข็มกระตุ้นกันอย่างเข้มข้น โดยตั้งเป้าหมายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ต้องฉีดเข็มกระตุ้นเพิ่มให้ได้ 25-30 % เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเองและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ รองรับการท่องเที่ยวในช่วงงานย่าโม เทศกาลสงกรานต์ และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ นอกจากนี้ เร่งรัดฉีดวัคซีนในกลุ่มสถานศึกษา แลละสถานประกอบกิจการด้วย .