กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงกรณีความจำเป็นต้องขุดหลุมศพเพื่อพิสูจน์อัตตลักษณ์ศพที่ญาติได้รับนำไปฝังเพราะเชื่อว่าเป็นคนในครอบครัว

กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงกรณีความจำเป็นต้องขุดหลุมศพเพื่อพิสูจน์อัตตลักษณ์ศพที่ญาติได้รับนำไปฝังเพราะเชื่อว่าเป็นคนในครอบครัว





ad1

กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้าชี้แจงกรณีความจำเป็นต้องขุดหลุมศพเพื่อพิสูจน์อัตตลักษณ์ศพที่ญาติได้รับนำไปฝังเพราะเชื่อว่าเป็นคนในครอบครัว แค่เจ้าหน้าที่พบว่าผลพิสูจน์ไม่ตรงกับบุคคลที่ญาติอ้างถึง ขณะที่ สส.ในพื้นที่เตรียมนำญาติไปพบผู้นำศาสนาอิสลามเพื่อหาทางออก

วันนี้(11กันยายน 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่เตรียมที่จะขุดหลุมฝังศพนายยาห์รี ดือเลาะ ตามที่ญาติอ้างไว้ จึงได้รับศพจากโรงพยาบาลของรัฐ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาจนเสร็จสิ้นเมื่อสามเดือนที่ผ่าน จนกระทั่งได้เกิดมีความพยายามของเจ้าหน้าที่เพื่อเตรียมขุดหลุมศพดังกล่าว จนเกิดการคัดต้าน ไม่พอใจจากญาติและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรงผ่านสื่อออนไลน์ ในโลกโซลเซียลอย่างกว้างขวาง และบางส่วนก็ได้ร่วมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญลัร่วมให้กำลังใจตรอบครัวนายยาห์รี ดือเลาะ ที่ญาติอ้างยืนยันมาตลอดว่าศพที่นร่างไฟฝังนั้นคือนายยาห์รี ดือเลาะ

ล่าสุด พ.อ. เกียรติศักดิ์   ณีวงษ์    โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า  ได้ออกมาชี้แจง กรณีดังกล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่าได้มีผู้พบศพชายนิรนามลอยน้ำอยู่ในแม่น้ำสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส จากการตรวจชันสูตรพลิกศพไม่พบรอยบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายใดๆ รวมทั้งไม่พบเอกสารยืนยันตัวบุคคล พนักงานสอบสวนจึงได้ร่วมกับแพทย์นิติเวชประจำโรงพยาบาลสุไหงโก – ลก ได้ตรวจสอบอัตตลักษณ์บุคคลด้วยการตรวจสารพันธุกรรมและตรวจลายนิ้วมือ แต่เนื่องจากสภาพศพทั่วไปเริ่มเน่าเปื่อย ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดเก็บสารพันธุกรรมได้ ทำได้เพียงพิมพ์ลายนิ้วมือไว้เท่านั้น โดยเบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดมาแสดงตนเป็นญาติของผู้เสียชีวิตจึงฝากร่างไว้ที่โรงพยาบาลสุไหงโก - ลก โดยในวันที่ 29 กันยายน 2565 มีแม่ น้องสาว และภรรยาของ นายยาห์รี ดือเลาะ มาดูศพด้วย

แต่ก็บอกว่าศพนั้นไม่ใช่ นายยาห์รี ดือเลาะ ต่อมาวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ภรรยาและน้องสาวของนายยาห์รี ดือเลาะ ได้มาดูศพอีกครั้ง และยืนยันว่าศพดังกล่าวคือนายยาห์รี ดือเลาะ เนื่องจากจำแผลเป็นที่ขาได้ พนักงานสอบสวนจึงลงบันทึกประจำวัน และส่งมอบศพให้ไปดำเนินพิธีกรรมทางศาสนา และจากการตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมพบว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ มีหมายจับ ป.วิอาญารวม 3 หมาย และภายหลังเจ้าหน้าที่ได้นำแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของศพส่งตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับประวัติการพิมพ์ลายนิ้วมือของนายยาห์รีฯ จากที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี ปรากฏว่าไม่ตรงกับของนายยาห์รีฯ จึงได้ส่งไปตรวจสอบกับสำนักบริหารการทะเบียนกรม การปกครอง ปรากฏว่าไม่พบในฐานข้อมูลที่มีอยู่ รวมทั้งในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจพิสูจน์รวบรวมหลักฐานว่าศพดังกล่าวเป็นใคร ได้มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม และสื่อโซเชียลพยายามออกมาสื่อสารชี้นำให้สังคมเชื่อว่าการเสียชีวิตดังกล่าวเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำต่อชาวมลายู

ทั้งนี้ในขั้นตอนการดำเนินการต่อไปของเจ้าหน้าที่เมื่อผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือยืนยันว่าศพดังกล่าวไม่ใช่ศพของนายยาห์รีฯ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายด้วยการขุดศพ เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร แต่เนื่องจากในการขุดศพเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนจึงต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกับองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา โดยผลสรุปของการหารือ สรุปว่าสามารถที่จะดำเนินการได้ และเมื่อถึงวันดำเนินการในวันที่ 10 ธันวาคม 2565 กลับพบว่ามีบุคคลบางกลุ่มพยายามที่จะปลุกระดม และเชิญชวนมวลชนรวมทั้งเครือญาติของนายยาห์รีฯ เข้ามาขัดขวาง ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการต่อได้จึงต้องชะลอการขุดศพออกไปก่อน 

  ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอประชาสัมพันธ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่พยายามที่จะทำตามขั้นตอนของกฎหมาย และคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมตลอดเวลา และไม่อยากให้นำประเด็นตรงนี้มาเคลื่อนไหวโจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งดำเนินการภายใต้หลักกฎหมายที่ชอบธรรมและเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ที่จะสามารถกระทำได้ โดยการปฏิบัติทั้งหมดก็เพื่อที่จะอำนวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิตและญาติของผู้เสียชีวิตตัวจริงต่อไป 

อย่างไรก็ตาม นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะหรือสส.แวยูแฮ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขตเลือกตั้ง พรรคประชาชาติ เตรียมนำครอบครัว  นายยาห์รี ดือเลาะ เดินทางไปพบผู้นำศาสนาอิสลามที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือในกรณีดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางร่วมหาทางออกต่อกรณีดังกล่าว    

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะเดินหน้าในการขุดหลุมศพดังกล่าว โดยอ้างถึงหน้าที่ และพร้อมที่จะเอาผิดกับบุคคลที่คัดค้านถือเป็นการขีดขวางกันปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน โดบไม่สนใจเสียงคัดค้านของญาติและเสียงคัดค้านของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แถมยังกล่าวหาว่ามีการปลูกระดมให้คัดค้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรณีที่จะมีการขุดหลุมศพดังกล่าวของโฆศก กแ.มร.ภาค4 ส่วนหน้า ยิ่งสร้าง ความไม่พอใจให้กับประชาชน อาจเหมือนเป็นการตอบหยั่งการไม่ให้เกียรติและศักดิ์ศรีของประชาชนในพื้นที่อย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้