ส่อจะเกิดเหตุวุ่นวาย หลังจากเจ้าหน้าที่เตรียมขุดศพ"ยะห์รี"ถูกฝังมาแล้วกว่าสามเดือน เพื่อพิสูจน์ความจริง

ส่อจะเกิดเหตุวุ่นวาย หลังจากเจ้าหน้าที่เตรียมขุดศพ"ยะห์รี"ถูกฝังมาแล้วกว่าสามเดือน เพื่อพิสูจน์ความจริง





ad1

นราธิวาส-ส่อจะเกิดเหตุวุ่นวาย หลังจากเจ้าหน้าที่เตรียมขุดศพ นายยะห์รี  ดือเลาะถูกฝังมาแล้วกว่าสามเดือน เพื่อพิสูจน์ความจริง ด้านแม่และภรรยายันไม่ยอมให้ขุดพิสูจน์

จากกรณีที่ได้มีการนำเสนอว่า นายยาห์รี  ดืเลาะ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดนอุ้มช่วงเย็นของ วันที่ 27 ก.ย.65 ที่ผ่านมาในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ต่อมาในวันที่ 28 ก.ย.65 ได้มีผู้พบศพที่แม่น้าสถไหงโก-ลก– ติดพรมแดนประเทศมาเลเซีย ศพดังกล่าวถูกนำขึ้นฝั่งไทยแล้วนำไปชันสูตรพลิกศพ และเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่โรงพยาบาลของรัฐเบื้องต้น ภรรยาและญาติของผู้ตายได้เข้ามาดูศพเพื่อยืนยันแต่ไม่มีใครกล้ายืนยันเนื่องสภาพใบหน้าของศพถูกเปลี่ยนรูป อวัยวะบางส่วนขาดหายเช่นใบหูเป็นต้น เครื่องประดับที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุก็ไม่เหมือนกัน จนกระทั่งผ่านไปหลายชั่วโมงภรรยาจำแผลเป็นที่ปรากฎตามร่างกายของศพจึงยืนยันว่าเป็นสามีของตนจริงนั้นคือนายยาห์รี  ดือเลาะ จึงได้ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวจ้องก่อนนำศพย้ายออกจากโรงพยาบาลเพื่อนำกลับบ้านเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และได้เสนอข่าวสู่สายตาสาธารณะมาแล้ว ไม่ทำอย่างลึกลับแต่อย่างใด

ผ่านมากว่าสามเดือนมาแล้วกลับมีการเตรียมจะขุดหลุมศพสามีเพื่อเปิดการชันสูตรพลิกศพมาอีกครั้ง ของเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่า”ผลการชันสูตรศพออกมา พบว่าผลการตรวจลายนิ้วมือของศพไม่ตรงกับลายนิ้วมือของนายยาห์รี  ดือเลาะ ถึง 2 หน่วยงานด้วยกันคือ ไม่ตรงกับสารบบ AFIS ของ ทว. และไม่ตรง mini AFIS ของ ศพฐ.10 “ นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้อ้างอีกว่าได้มีกระแสเรียกร้องจากชาวบ้านรวมถึงผู้นำศาสนาอยากให้ขุดศพดังกล่าวขึ้นมา พิสูจน์ความจริงว่าเป็นศพของใครกันแน่ ที่มีการหลอกลวงชาวบ้านในพื้นที่รวมถึงผู้ที่มาร่วมทำพิธีฝังศพในครั้งนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นศพของใครและนับถือศาสนาอะไรกันแน่ จึงกลายเป็นปมปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่โกรธเคืองเจ้าหน้าที่ใช้วิธีกล่าวอ้างในลักษณะดังกล่าว

ซึ่งโดยข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565  เวลา 15.30 น.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.สุริยา แป้นเกิด รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ ได้ร่วมกันหารือ กรณีจะทำการขุดศพนิรนาม ที่ยังคงสรุปไม่ได้  ที่ทางโฆษก BRN ได้ระบุในแถลงการณ์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาโดยกล่าวอ้างว่า นายยะห์รี ดือเลาะ หรือ ซาฮารี บิน อับดุลลา เป็นสมาชิกของกลุ่มที่ถูกอุ้มจากมาเลเซีย ต่อมาได้ลงเอยกลายเป็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำโกลก จังหวัดนราธิวาส จึงได้เชิญภรรยา แม่ ของผู้ตาย เชิญคัวแทนผู้นำศาสนา เพื่อประชุมหารือต่อกรณีดังกล่าว โดยมี พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นธ. ได้นี่งเป็นประธาน , ตัวแทนคณะกรรมการอิสลามนราธิวาส , นายอำเภอสุไหงปาดี , ผกก.สุไหงปาดีฯ , ผบ.ฉก.ทพ.48 ฯลฯ และมี มารดานายยะห์รีฯ ภรรยานายยะห์รีฯ เข้าร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย

พ.ต.อ.สุธนฯ  ได้อธิบายหลักกฎหมายและความจำเป็นที่ต้องขุดศพ มาตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจากการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ ยืนยันไม่ใช่ นายยะห์รีฯ และตัวแทน คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส ได้อธิบายหลักศาสนาว่า สามารถขุดศพขึ้นมาได้ แต่มารดาและภรรยาของนายยะห์รีฯ ยังคงยืนยังว่าไม่ยินยอมให้ขุดศพขึ้นมาพิสูจน์ใดๆอีกต่อไป

ทางด้าน พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ ได้แจ้งให้ทราบในที่หารือว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะทำการขุดศพขึ้น เพื่อนำศพมาตรวจพิสูจน์ได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ญาติจะไม่ยินยอมก็ตาม และได้อ้างว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการขุดศพขึ้นมาเพื่อพิสูจน์ จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง จากนั้นมารดานายยะห์รีฯ ภรรยานายยะห์รีได้ออกจากที่หารือเพื่อกลับบ้าน

จากนั้นได้หารือตกลงกันว่า จะทำการขุดศพ ในวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่(สุสาน) กูโบร์ปาฮงกือปัส ถนนปอฮงกือปัส - เกาะตา ชุมชนต้นไม้สูง ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส โดยจะมีแพทย์นิติเวช  ไปขุดศพมาตรวจพิสูจน์ในครั้งนี้ด้วย

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้มีการจัดประชุม เพื่อเตรียมขุดศพดังกล่าวขึ้นมาพิสูจน์ความจริง ว่าเป็นใครมาจากไหนนับถือศาสนาใด ไม่สนใจเสียงขัดค้านจากแม่และภรรยาของผู้ตาย จนเกิดเหตุการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยปรากฏในพื้นที่มาก่อนและประชาชนในพื้นที่ถือเป็นการไม่เคารพผู้ตายกมิ่นศพอีกด้วย ทั้งๆที่ญาติให้เจ้าหน้าที่ทำการชันสูตรพิสูจน์ตัวบุคคลแล้วที่โรงพยาบาลแต่ทำทำไมกลับไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง