"ซัดดำ" พร้อมครอบครัวยืนยัน ไม่ได้เริ่มก่อน แต่เป็นฝ่ายพ่อเจ้าภาพสายโหดดมาผลักอกแล้วรุมทำร้ายจนสลบ

"ซัดดำ" พร้อมครอบครัวยืนยัน ไม่ได้เริ่มก่อน แต่เป็นฝ่ายพ่อเจ้าภาพสายโหดดมาผลักอกแล้วรุมทำร้ายจนสลบ





ad1

"ซัดดำ" พร้อมครอบครัวยืนยัน ไม่ได้เริ่มก่อน แต่เป็นฝ่ายพ่อเจ้าภาพสายโหดดมาผลักอกแล้วรุมทำร้ายจนสลบ มิหนำซ้ำฟื้นขึ้นมายังถูกลากไปตีอีก ขณะที่แม่ยกมือขอโทษทั้งน้ำตา เผยสาเหตุเพราะเจ้าภาพเข้าใจผิดว่าลูกชายชูนิ้วกลางด่าอวย ส่วนเงินค่าวงดนตรีจำนวน 85,000บาท ไม่มีจ่ายให้ และคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกชื่อ “wasabi000111” โพสต์คลิปงานวิวาห์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เมื่อเจ้าสาวจ้างวงดนตรีมาเล่นภายในงาน เพื่อความคึกคักของแขกที่มาร่วมงาน แต่สุดท้ายเกิดเรื่องขึ้น เมื่อมีกลุ่มวัยรุ่นมาทะเลาะวิวาทกันในงาน งานนี้เจ้าสาวสุดทน ขึ้นเวทีจับไมค์พร้อมพูดกับกลุ่มวัยรุ่นที่ยกพวกวิวาทในงานแต่งว่า มาตีกันในงาน ทำให้ดนตรีต้องเลิก พวกคุณมีปัญญาจ้างค่าจัดงานหรือไม่ ต้องดูด้วยงานนี้คืองานอะไร ทำคนอื่นหมดสนุกไปด้วย โดยงานนี้คืองานแต่ง ต้องถามด้วยว่าแต่งเพื่ออะไร แต่งเพื่อปู่ เจ้าสาวเผยอีกว่า จ้างวงดนตรีมาเท่าไรรู้หรือไม่ จ้างมาแพงมาก โดยอยากให้วงดนตรีเล่นจนจบ อีกแค่ 30 นาทีเอง แต่ก็มาตีกันเพื่ออะไร เพราะไม่ได้จ้างมาถูกๆ ถ้าจับคนตีกันได้ขอให้ขึ้นมาเวทีเลย หน้างานก็ติดป้ายไว้แล้ว ถ้าไม่มีเงิน อย่าห้าว! งานแต่งไม่ได้จัดหลักหมื่น แต่จัดเป็นหลักแสน ด้านชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็น จำนวนมาก ส่วนใหญ่บอก เป็นห่วงเจ้าบ่าว อย่านอกลู่นอกทาง บางก็บอกเห็นอนาคตเจ้าบ่าวเลย ถ้วยไม่ล้าง ผ้าไม่ซัก ขณะที่หลายคนบอกเห็นด้วยนะ.. มันต้องชดชัยค่าเสียหาย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านเลขที่ 48 บ้านไคร่นุ่น ม. 3 ต.กุดขอนแก่น อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนายซัดดำคู่กรณีคลิปเจ้าสาวสายโหด โดยได้พบกับนาย พงษ์สิทธิ์ จันทร์ลา อายุ 24 ปี หรือมอส ฉายาซัดดำ ซึ่งชาวบ้านเรียกมาตั้งแต่เด็กเพราะเป็นคนตัวใหญ่ผิวดำ พร้อมด้วยนาย ทองฤทธิ์ จันทร์ลา อายุ 57 ปี นางอำพร เจียงเพ็ง อายุ 53 ปี พ่อและแม่ของน้องมอส และญาติพี่น้องนักล้อมวงรับประทานอาหารกันอยู่ พร้อมทั้งพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดย นายพงษ์สิทธิ์ กล่าวว่า  ได้เปิดเสื้อให้ผู้สื่อข่าวดูร่องรอยบาดแผลฟกช้ำตามแขน ต้นคอ และใบหน้า พร้อมกล่าวว่า รอยแผลดังกล่าวเกิดจากทางเจ้าภาพรุมทำร้ายจนสลบแล้วยังทำร้ายต่อเนื่องจนต้องวิ่งหนีกลับบ้านเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับทางเจ้าภาพที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนเอง เป็นคนชกพ่อเจ้าสาวก่อนจะมั่วในงานจนเกิดความชุลมุนกันขึ้นจนต้องยุติงานกลางคัน

"วันเกิดเหตุนั้น ตนเองดื่มสุรากับน้องๆในหมู่บ้าน ยอมรับว่ามีอาการเมา ก่อนจะเข้าไปในงานประมาณทุ่มเศษๆ ก็ไปเต้นกับพีน้องที่มาร่วมงานเช่นกัน แต่ถูกเจ้าภาพรุมทำร้ายจนสลบ จำอะไรไม่ค่อยได้ รู้ตัวอีกทีเหมือนถูกลากพอได้สติก็ถูกทำร้ายซ้ำอีก แล้วสลบรู้ตัวอีกทีมาฟื้นที่บ้านแล้ว ยืนยันว่าไม่ได้สร้างความวุ่นวายในงาน หรือทำร้ายใครเลย อยากจะขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย ส่วนเงินที่ดรียกมาบอกว่าเป็นค่าวงดนตรี 85,000 บาท นั้นคงไม่มีเงินให้ขอยอมติดคุกหากตัวเองทำผิด"

ขณะที่นางอำพร แม่ของนายมอส กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นพ่อแม่อยู่ที่บ้าน กระทั่งได้ยินเสียงประกาศว่ามีคนตีกัน แต่ก็ไม่ได้มีใครออกไปดู ก่อนที่เพื่อนๆจะพาลูกชายกลับบ้านและนอนหลับ ซึ่งหลังเกิดเหตุได้สอบถามเพื่อนๆรวมทั้งลูกชายทราบว่า มอสเมาในงานแต่งอาจจะไปโดนข้าวของในงานทำให้เจ้าภาพไม่สบายใจ จนเกิดการทะเลาะกัน อาจจะเกิดจากการที่เจ้าภาพมาเตือนแต่เตือนอย่างเดียวตนเองก็ไม่ได้ติดใจ แต่กลับทำร้ายลูกชายตนเองจนได้รับบาดเจ็บ ไอเป็นเลือดด้วย

" หลังเกิดเหตุได้พูดคุยกันเมื่อคืนที่ผ่านมาที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ทางฝ่ายเจ้าภาพต้องการให้ชดใช้ค่าจัดงานจำนวน 85,000 บาท ซึ่งเป็นค่าจ้างวงดนตรี ในส่วนนี้ก็คงต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของทางตำรวจ ให้กฎหมายตัดสิน หากลูกผิดจริงตำรวจก็สามารถจับลูกชายดำเนินคดีได้ อยากจะขอความเป็นธรรม เพราะตนเองไม่มีเงินพาลูกชายไปหาหมอ จึงไม่มีหลักฐานพาเข้าแจ้งความเอาผิดกับทางเจ้าภาพได้ หากเจ้าภาพมีหลักฐานมีกล้องวงจรปิดก็เอามาเปิดให้ดูว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นยังไง"

นางอำพร กล่าวต่ออีกว่า ลูกชายหากดื่มสุราจะเสียสติ แต่ก็ไม่ได้กินทุกวัน ไม่ได้ไปไหน อยู่แต่บ้าน หาปลาช่วยพ่อแม่ แต่ช่วงนี้หาปลาไม่ได้จึงอยู่แต่ที่บ้าน สาเหตุนั้นตนเองได้ทราบจากแม่ค้าในงานที่รู้จักกัน ที่ลูกชายไปชนข้าวของล้ม ท้าตีลูกชายแม่ค้าแต่แม่ค้าไม่ติดใจเอาความเพราะรู้ว่าลูกชายเมาจึงห้ามเอาไว้ ก่อนที่ลูกชายจะเดินไปเต้นที่หน้าเวที ตามประสาวัยรุ่นพร้อมกับพี่น้องในที่ไปร่วมงานเช่นกัน ซึ่งแม่ค้าเล่าให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุนั้น ลูกชายชูไม้ชูมือ ยกมือเข้าจังหวะเพลงซึ่งเป็นเพลงคาราบาว และจะมีการทำมือในลักษณะเขาความ แต่เจ้าภาพคิดว่าลูกชายชูนิ้วกลางด่า อวย พ่อของเจ้าสาวจึงเข้าไปพลักลูกชายจนมีปากเสียงกันเกิดขึ้น ก่อนที่ลูกชายจะออกจากงานไป สักพักลูกชายอีกคนซึ่งเป็นน้องของมอสได้ยินเสียงโวยวายอยู่สนามตะกร้อม จึงวิ่งไปดู และเห็นเป็นพี่ตัวเองจึงเข้าไปปกป้อง ทั้งกราบทั้งไหว้ขอร้องไม่ให้ทำร้ายพี่ ซึ่งลูกๆบอกว่าเป็นทางเจ้าภาพมารุมทำร้าย ก่อนที่ลูกชายคนโตจะถูกทำร้ายจนสลบ ส่วนน้องคนเล็กที่เข้าไปปกป้องพี่และกราบไหว้ขอร้องให้หยุดตีก็ถูกทำร้ายไปด้วย เสื้อขาดมีแต่รอยรองเท้าติดเต็มเสื้อ

"อยากจะฝากขอโทษพ่อเจ้าสาวและครอบครัวด้วย เพราะลูกชายเมาจนไม่รู้เรื่อง ในส่วนเรื่องเงินก็คงไม่มีเงินชดใช้ให้ตามที่เรียกเพราะฐานะทางบ้านก็ยากจนหาเช้ากินค่ำ ที่อยุ่อาศัยก็เป็นที่สาธารณะประโยชน์ขออาศัยอยู่ทำกินมา20กว่าปีแล้ว คงต้องปล่อยเป็นเรื่องของกฎหมายให้ตำรวจดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ตอนนี้ไม่สบายใจเงินที่เรียกเป็นจำนวนมากหาเงินให้ไม่ได้ก็คงต้องปล่อยให้ลูกติดคุกหากทำผิดจริง เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งๆที่ลูกชายแม่เจ็บ ไอเป็นเลือด ยังจะให้เสียเงินค่าจ้างวงดนตรีอีก จะพาลูกไปหาหมอก็ไม่มีเงิน"