เมียร้องผัวตร.เสพยาจนหลอน ระแวงมีชู้ ถือปืนขู่ฆ่ายกครัว

เมียร้องผัวตร.เสพยาจนหลอน ระแวงมีชู้ ถือปืนขู่ฆ่ายกครัว





ad1

บุรีรัมย์-หญิงวัย 55 ปี ชาวบุรีรัมย์ ร้องสื่อ หลังถูกสามีเป็นด.ต.เสพยาจนหลอน ขู่ฆ่ายกครัว ตามขู่ยันลูกสาว ขอให้ผกก.ช่วยปลดอาวุธ แต่กลับโดนสวน

เพจ ‘อีซ้อขยี้ข่าว’ โพสต์ข้อความการร้องทุกข์ของหญิงชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า “ตำรวจรายนึงอยู่ในชุดปราบปรามยาเสพติดของ สภ.แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เสพยาหนักจนหลอน เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เดินพกปืนถือไปมา แถมขู่ฆ่าภรรยาและคนในครอบครัวแทบทุกวัน 

ถึงเวลานี้คนใกล้ชิดรู้สึกหวาดกลัวจึงต้องหนีออกจากบ้าน ยอมทิ้งร้านตามสั่งเพื่อหนีตาย เคยบอกเรื่องนี้กับคนที่โรงพักหรือ แม้กระทั่งแจ้งไปยังผู้กำกับก็แล้ว แต่มันคงไม่สำคัญพอสำหรับเค้า

ตอนนี้เธอกังวลใจมาก กลัวว่าสามีจะบุกมาทำร้าย หลังมีข้อความส่งไปข่มขู่เอาชีวิต เวลานี้สื่อคือที่พึ่งสุดท้าย และเป็นความหวังเดียวที่พอจะมีหน่วยงานเห็นและไปช่วยเธอกับลูก…ฝากด้วยค่ะ (บุรีรัมย์)”

ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า หญิงคนดังกล่าว คือ นางบี (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี แม่ค้าขายอาหารตามสั่งที่ อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ โดยนางบี เล่าให้ฟังว่า ตนคบหากับตำรวจนายนี้ ยศดาบตำรวจ ของ สภ.แห่งหนึ่งที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้สังกัดตำรวจตระเวนชายแดน 216 อ.ประโคนชัย ย้ายมาสังกัดตำรวจภูธร เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อยู่ชุดสืบสวน แต่เริ่มมีอาการผิดปกติ เหมือนคนหลอนอะไรบางอย่าง

จากการสอบถามแม่ของสามี พบว่าลูกชายเคยประสบอุบัติเหตุ แล้วมีอาการด้านสติไม่ดี แต่มีอาการกำเริบขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่เคยกินยา ทั้งยังไปเสพยาทำให้จิตหลอนผิดปกติ ล่าสุดมีอาการระแวงคิดว่าตนจะไปมีผู้ชายคนใหม่ ส่งข้อความมาขู่ฆ่าหลายครั้ง บอกว่าหิวเลือด อยากกินเลือด สุดท้ายไปตามขู่ลูกสาว ซึ่งเป็นพยาบาลอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา

“รู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จึงไปร้องขอความช่วยเหลือกับผู้กำกับที่สามีสังกัดอยู่ แต่กลับถูกโดนพูดสวนมาว่า “คนไม่ใช่หมา ที่จะเอาไปขังได้” จึงหมดหนทางที่จะหาคนมาช่วยเหลือ จึงโพสต์หาคนมาช่วย” นางบี กล่าว

นางบี เล่าด้วยว่า ตอนนี้ครอบครัวกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ร้านอาหารก็เปิดไม่ได้ เพราะเกรงจะได้รับอันตราย ลูกสาวและหลานตัวเล็ก จะอยู่อย่างไร จึงอยากจะวิงวอนให้ผู้บังคับบัญชาสามี หาแนวทางแก้ไข เบื้องต้นให้ปลดอาวุธก่อน และอยากให้เอาตัวไปรักษา ก่อนเรื่องจะบานปลายมากกว่านี้