"จำเริญ"ลงพื้นที่ติดตามความก้าวโครงการพัฒนาเมืองปัตตานี

"จำเริญ"ลงพื้นที่ติดตามความก้าวโครงการพัฒนาเมืองปัตตานี





ad1

ปัตตานี-"จำเริญ"รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ พบผู้ว่าปัตตานีเพื่อรายงานความก้าวหน้าและหารือโครงการต่างๆที่จะดำเนินการในอนาคต

นายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระและคณะ ได้เข้าพบ นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อรายงานผลความก้าวหน้าโครงการของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และหารือการดำเนินโครงการในอนาคต ที่ห้องประชุมมหาเลลา ศาลากลางจังหวัดปัตตานี

โดยมี นายณัฐกฤช สิทธิโอสถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และเกษตรจังหวัดปัตตานีเข้าร่วมหารือ มูลนิธิปิดทองหลังพระ ก่อตั้งขึ้นโดยปณิธานในการน้อมนำแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์มาเป็นหลักการในการพัฒนาประเทศและศักยภาพของคนไทย ให้ก้าวไปสู่ความมั่นคงและยั่งยืน ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่นในแนวพระราชดำริที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เป็นแนวทางที่นำไปสู่ความสุขของประชาชนได้อย่างแท้จริง คณะรัฐมนตรี จึงมีมติเห็นชอบให้จัดตั้งมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริและสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระขึ้น

เมื่อปี 2552 สำหรับการดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ ได้ร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 ศอ.บต.และจังหวัดต่างๆ คัดเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมในการดำเนินโครงการ รวม 6 พื้นที่ แยกเป็น 4 มิติการดำเนินงาน สำหรับจังหวัดปัตตานี มีมิติที่ 3 คือมิติการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เกษตรหลังมีน้ำและการรวมกลุ่ม พื้นที่บ้านแป้น อ.สายบุรีและบ้านสุเหร่า อำเภอปะนาเระ และมิติที่ 4 มิติการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานเดิมให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ พื้นที่บ้านละโพ๊ะ อำเภอแม่ลาน ซึ่งทั้ง 3 แห่ง มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ ยังได้รายงานผลดำเนินงานโครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐานรากให้พัฒนาก้าวไปตามแนวพระราชดำริ คือการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนขนาดเล็ก การบริหารจัดการน้ำชุมชนรวม 21 โครงการ ใน 4 อำเภอ ซึ่งมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจเช่นกัน รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ ยังได้หารือการแก้ปัญหาการค้างค่าปัจจัยการผลิตของเกษตรกรในโครงการทุเรียนคุณภาพ จำนวน 26 ราย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้แนะนำให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อโครงการและตัวเกษตรกรเอง โดยอาจจะให้มีการผ่อนชำระงวดละไม่มากนักก็น่าจะช่วยบรรเทาปัญหาได้ในระดับหนึ่ง