ศาลสั่งพยานหลักฐานไม่เพียงพอคดี"อับดุลเลาะ"ไม่สามารถบ่งชี้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

ศาลสั่งพยานหลักฐานไม่เพียงพอคดี"อับดุลเลาะ"ไม่สามารถบ่งชี้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต





ad1

ปัตตานี-ศาลสั่งพยานหลักฐานไม่เพียงพอ "คดีอับดุลเลาะ อีซอมูซอ" ไม่สามารถบ่งชี้ว่าถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตได้.

     
วันนี้( 9 พ.ค. 65) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม Cross Cultural Foundation (CrCF) ได้เผยแพร่ข้อมูลว่าศาลจังหวัดสงขลานัดฟังคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ช.1/2563 หรือคดีไต่สวนการตายของนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ซึ่งสมองบวมและเสียชีวิตจากเหตุถูกควบคุมตัวในค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยศาลมีคำสั่งว่า พยานหลักฐานที่ปรากฏในคดีนี้ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่านายอับดุลเลาะถูกทำร้ายร่างกายจนหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา บอกได้เพียงว่า นายอับดุลเลาะเสียชีวิตจากการที่สมองขาดออกซิเจนและหัวใจหยุดเต้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในระหว่างที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว.


     
คดีนี้สืบเนื่องจาก นายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ควบคุมตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ในเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันที่ 20 ก.ค. 2562 ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 21 ก.ค. 2562 พบว่านายอับดุลเลาะ หมดสติอยู่ในห้องควบคุมศูนย์ซักถามของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร โดยนายอับดุลเลาะได้รับการรักษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร จากนั้นได้ถูกส่งไปรักษาตัวต่อ ณ อาคารผู้ป่วยวิกฤติ )ICU) โรงพยาบาลปัตตานี และถูกส่งตัวไปรักษาต่ออีกครั้งที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 22 ก.ค. 2562 และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ก่อนที่นายอับดุลเลาะจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2562 .
     
นางสาวซูไมยะห์ มิงกะ ภรรยาของนายอับดุลเลาะห์ อีซอมูซอ ร่วมกับทนายความจากศูนย์ทนายความมุสลิมและมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมมาตลอด 2 ปี และมีการสืบพยานมากกว่า 21 ปาก ทั้งเจ้าหน้าที่ทหารในค่ายอิงคยุทธบริหาร แพทย์ พยานที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่จากภาคประชาสังคม ในวันนี้ กล่าวโดยสรุปได้ว่า ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ทนายฝ่ายญาติของผู้เสียชีวิต เสนอต่อศาลนั้นไม่เพียงพอต่อการบ่งชี้ได้ว่านายอับดุลเลาะเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกายได้ จึงมีคำสั่งว่า นายอับดุลเลาะ เสียชีวิตเมื่องวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ เวลา ๐๔.๐๓ น. เสียชีวิตจากการที่สมองขาดออกซิเจนและหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตระหว่างที่ถูกควบคุมตัวภายในค่ายอิงคยุทธบริหารจริง.
   


ด้าน พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม แสดงความคิดเห็นต่อคำสั่งศาลในวันนี้ว่า “เหมือนกลไกตุลาการยังไม่ช่วยชาวบ้านค้นหาความจริงเท่าที่ควร  คำสั่งคดีไต่สวนการตายวันนี้ได้ความจริงเท่ากับที่เคยได้จากแพทย์มาตั้งแต่วันเกิดเหตุที่ค่ายอิงคยุทธบริหารว่า นายอับดุลเลาะสมองบวมจากการขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลที่สงขลาในเวลาต่อมา  แต่สิ่งที่ญาติและสาธารณชนต้องการคำตอบคือ มีใครทำให้นายอับดุลเลาะขาดอากาศหายใจจนสมองบวมหรือไม่  ซึ่งการไต่สวนของศาลเป็นเวลาสองปีไม่ได้ให้คำตอบนี้ แล้วญาติต้องไปร้องเรียนที่ไหนอีก และใครต้องรับผิดชอบต่อการควบคุมตัวของรัฐจนทำให้นายอับดุลเลาะเสียชีวิตในค่ายทหาร” . 
     
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จึงขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ติดตามกรณีการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ต่อไป ในการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเรียกร้องให้กองทัพรับผิดชอบต่อการสูญเสียชีวิตของประชาชนที่เกิดขึ้นภายในการควบคุมตัวอันมิชอบของเจ้าหน้าที่ และชดเชยเยียวยาครอบครัวของนายอับดุลเลาะ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อนายอับดุลเลาะและครอบครัวต่อไป.