"ป๋าชู" เผยการทำสำนวนคดีตู้ห่าว ของตำรวจตั้งใจทำสำนวนอ่อน อาจทำให้ตู้ห่าวรอดคดี

คดีตู้ห่าว

"ป๋าชู" เผยการทำสำนวนคดีตู้ห่าว ของตำรวจตั้งใจทำสำนวนอ่อน อาจทำให้ตู้ห่าวรอดคดี





ad1

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เผยการทำสำนวนคดีตู้ห่าว ของตำรวจตั้งใจทำสำนวนอ่อน อาจทำให้ตู้ห่าวรอดคดี ทั้งนี้จี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลลาออก หลังพบข้อพิรุธหลายอย่างแทรกแซงการทำงานและช่วยเหลือผู้ต้องหา

วันนี้ (25 ธ.ค.65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นัดสื่อแถลงด่วนกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาหลังพบพิรุธการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่อาจจะมีส่วนช่วยตู้ห่าว โดยก่อนจะแถลงข่าวนายชูวิทย์ได้ทำการแจกขนมให้กับสื่อมวลชนพร้อมใส่หมวกคริสต์มาสและอวยพรให้สื่อทุกคนโชคดี มีความสุข 

โดยวันนี้เอกสารบันทึกการจับกุม ในสำนวนคดีผับจินหลิง ที่นายชูวิทย์ นำมาเปิดเผย ถูกชี้ให้เห็นว่าหลายจุดยังมีความเคลือบแคลงสงสัย  โดยนายชูวิทย์ ใช้คำว่าขบวนการสมคบคิด และตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจตั้งใจสำนวนคดีอ่อน อาจจะส่งผลให้ผู้ต้องหาอย่างนายตู้ห่าวรอดจากคดี โดยพาดพิงไปถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ ทำหน้าที่บกพร่อง และอยากให้ลาออกจากตำแหน่ง

โดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวต่อว่าการทำคดีของตู้ห่าวนั้นค่อนข้างมีพิรุธหลายอย่าง เริ่มจากที่ ผบชน.จับกลุ่มผับจินหลินเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาโดยพบว่านายห่วง ไห่เทา เป็นผู้กระทำความผิด หลังจากนั้นได้ขยายผลต่อค้นผับลีลาถซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน หลังตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวน 4-5 กิโล ขณะนั้นในพื้นที่ดังกล่าวก็มีผับวิบวับอยู่ด้วยแต่ทาง ผบชน.ไม่มีการตรวจค้นแต่อย่างใด ผ่านไป 5 วัน ผบชน.ได้ขอหมายศาลใหม่ตรวจค้นที่ผับวิบวับเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 พบยาเสพติดอีก 1 กิโลกรัม โดยนายเหมายาง เป็นผู้กระทำความผิดซึ่งแต่ในสำนวนคดีกลับเขียนว่าไม่พบผู้กระทำผิดซึ่งจึงเกิดข้อสังเกตว่านี้เป็นการช่วยให้ผู้กระทำผิดรอดหรือไม่

ต่อมาข้อมูลในระบบหลังจับกุมผู้กระทำผิดไม่ถูกบันทึงเข้าไปในระบบ Crime ซึ่งพื้นที่ที่รับผิดชอบคือ สน.ยานนาวาบัญชีของกลางก็ไปหายไปด้วย นายชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตอีกว่าวันที่มีการจับบุกค้นผับจีนคือวันที่ 1 พฤศจิกายน แต่ในระบบกับบันทึกไว้เป็นวันที่ 2 พฤศจิกายน จึงเกิดขอสังเกตว่าทำไม ถึงพึ่งมาตั้งเลขคดีในวันที่ 2 นี้หรือไม่คือลักษณะของการกระบวนการสมคบคิดในการช่วยเหลือกลั่มทุนจีนสีเทา 


โดยจุดที่นายชูวิทย์ ตั้งข้อสังเกตุว่าระยะเวลาในการดำเนินคดีเมื่อนับจากวันที่บุกตรวจค้นผับจินหลิงจนวันที่ 24 ธันวาคม พึ่งจะเอาผิดเครือข่ายนายตู้ห่าวในฐานะฟอกเงิน เป็นระยะเวลาที่ไม่สมเหตุสมผลและปล่อยทิ้งนานเกินไปจนเงินในบัญชีของตู้ห่าวถูกโยกย้ายเหลือในบัญชีแค่ 1 แสนบาทเท่านั้น

อีกทั้งในวันที่ตรวจค้นจับกุม ตำรวจเข้าตรวจค้นในพื้นที่ไม่ครอบคุม นายชูวิทย์ จึงมองว่าผู้บัญชาการตำรวจนครบาลปล่อยให้การทำสำนวนมีความผิดพลาด เมื่อร่วมกับอีกหลายประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับการแทรกแทรงจนพบการทุจริตในการทำหน้าที่ของตำรวจบางนาย และปล่อยให้พยานบุคคลสำคัญหลบหนี อาจจะทำให้สำนวนอ่อน จนเป็นเหตุให้นายตู้ห่าวรอดพ้นจากความผิดได้ และถามไปถึง ผบ.ตร ยังมั่นใจ ผบช.น.ให้ทำงานผิดพลาดแบบนี้ได้อย่างไร 

หลังจากนี้นายชูวิทย์ เตรียมจะเข้าพบอัยการสูงสุดเพื่อติดตามในความผิดฐานฟอกเงิน และคดีนอกราชอาณาจักร พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้การทำสำนวนส่งฟ้องสมบูรณ์มากที่สุดในฐานะประชาชนที่มีสิทธิ์ที่จะพูด เพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุด