“ตรีนุช” โยนโรงรียนพิจารณา เสรีทรงผม ยันกระทรวงไม่ห้าม-ไม่ส่งเสริมลงโทษความรุนแรง

เสรีทรงผม

“ตรีนุช” โยนโรงรียนพิจารณา เสรีทรงผม ยันกระทรวงไม่ห้าม-ไม่ส่งเสริมลงโทษความรุนแรง





ad1

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงสถานการณ์ ภาพรวมหลังการเปิดภาคเรียน On site ในรอบ 1 ปี ว่า ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 รวมไปถึงมาตรการแบบSocial distancing ใส่แมสล้างมือ
.
แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และให้ความเข้มงวดให้ครูและนักเรียนฉีดวัคซีนซึ่งได้มีการทยอยฉีดตั้งแต่ปีที่แล้ว และปัจจุบันครูได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้ว ส่วนนักเรียนเริ่มเข้าสู่การฉีดเข็ม 2 และ 3 ส่วนนักเรียนกลุ่มเด็กเล็กกำลังทยอยฉีดแล้วเช่นกัน ไม่ได้มีข้อมูล
.
ดังนั้น ในเรื่องของการฉีดวัคซีนจึงไม่มีข้อกังวลในเรื่องของมาตรการแต่ละโรงเรียน ได้กำชับให้เป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และมีแผนเผชิญเหตุเพื่อรับมือหากพบการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ไม่จำเป็นจะต้องปิดทั้งโรงเรียนอีกต่อไปให้ปิดเฉพาะบางห้องเรียน และให้มีการทำความสะอาดเพื่อให้ทุกๆอย่างกลับสู่สภาวะปกติ
.
เมื่อถามย้ำว่าจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นวงรอบหรือไม่ น.ส.ตรีนุช ระบุว่า จะมีการประเมินสถานการณ์ทุกวันและรายงานมายังศูนย์กลางของกระทรวงทราบทุกวันว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
.
และเมื่อถามถึงข้อเรียกร้องเสรีทรงผม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า น่าจะเป็นความเข้าใจผิดด้านการสื่อสาร เพราะกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้มีระเบียบเรื่องของทรงผมกำหนดไว้ เนื่องจากโรงเรียนที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการมีหลายบริบท
.
ดังนั้น กระทรวงจึงมีหน้าที่คุมระดับนโยบายส่วนเรื่องทรงผมเป็นอำนาจของโรงเรียน ผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษา เป็นผู้ออกแบบ และกำหนดมาตรการและกำหนดมาตรการทรงผมของแต่ละโรงเรียน ไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ และไม่ต้องการให้มีการลงโทษนักเรียนในมิติของความรุนแรงในเรื่องของทรงผม
.
“เราเน้นในมิติของการศึกษา และให้นักเรียนเข้าถึงระเบียบวินัย แต่ในเรื่องตอบของทรงผมเราไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ หรือกำหนดในหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน ”
.
เมื่อถามว่ามีการเรียกร้องจากกลุ่มนักเรียนเลวให้แก้กฎกระทรวง ให้นักเรียนไว้ทรงผมอะไรก็ได้ นายอัมพรพินะสาเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นบทบาทของคณะกรรมการสถานศึกษา ที่จะกำหนดให้ทรงผมเป็นแบบไหนอย่างไร
.
ซึ่งเราเน้นเรื่องของการมีส่วนร่วมระหว่างนักเรียนผู้ปกครองและครูเป็นหลักส่วนภาพที่ยังมีการลงโทษนักเรียนไว้ผมผิดระเบียบ นั้น กระทรวงทำได้เพียงกำชับไปยังหน่วยปฏิบัติ เพราะสังคมทุกสังคมต้องมีกติกา แต่ถ้าใครฝ่าฝืนก็ต้องมีข้อกำหนดว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงกับนักเรียน ทั้งนี้อยากให้แต่ละโรงเรียนดำเนินการไปตามเสียงส่วนใหญ่ของของนักเรียนและชุมชนที่อยู่
.
ทั้งนี้ เลขาธิการ สพฐ. ไม่กังวลว่าเรื่องการกำหนดทรงผมจะเป็นการริดรอนสิทธิ์ของนักเรียน เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ของผู้ที่นำเรื่องนี้มาทำเป็นประเด็นถ้าเข้าใจระเบียบก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องของแต่ละสถานศึกษา จึงควรไปเรียกร้องที่โรงเรียนของตัวเอง ทั้งนี้เมื่อถามว่าหากโรงเรียนอ้างกฎกระทรวง เลขาธิการ สพฐ. ยืนยันว่า ไม่สามารถอ้างได้เพราะระเบียบไม่เปิดช่องให้อ้าง