"มิ่งขวัญ" ซบพรรคพลังประชารัฐ หนีพรป.เลือกตั้งสูตรหาร 100-จ่อเปิดตัว 6 ธ.ค.นี้

"มิ่งขวัญ" ซบพรรคพลังประชารัฐ

"มิ่งขวัญ" ซบพรรคพลังประชารัฐ  หนีพรป.เลือกตั้งสูตรหาร 100-จ่อเปิดตัว 6 ธ.ค.นี้





ad1

05 ธ.ค. 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เตรียมเปิดตัว "นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ และอดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ที่จะเข้าร่วมงานกับพปชร.ในฐานะ มือเศรษฐกิจ คนสำคัญอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 6 ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันที่พรรคเพื่อไทยก็เตรียมแถลงข่าวใหญ่และอาจเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯในวันเดียวกัน

 แหล่งข่าวระดับสูงภายใน "พรรคพลังประชารัฐ" (พปชร.) ยืนยันวันนี้ (5 ธ.ค.) ว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พร้อมทีมงานจะย้ายมาเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐแบบยกทีม โดยประสานมาทาง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพปชร. และเตรียมแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 6 ธ.ค. วันเดียวกับกิจกรรมการแถลงข่าวใหญ่ของพรรคเพื่อไทย

ด้าน พล.อ.ประวิตร ซึ่งพักผ่อนช่วงวันหยุดยาวอยู่ที่บ้านในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เปิดเผยกับเนชั่นทีวีว่า มิ่งขวัญพร้อมทีมงานจะมาร่วมงานกับพปชร.จริง และที่ผ่านมาที่มีกระแสดูดจากพรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ตนไม่ได้รู้สึกเครียดหรือกังวลอะไร เพราะจำนวน ส.ส.ที่แสดงความจำนงตามพล.อ.ประยุทธ์ไป ก็ไม่ได้มีมากอย่างที่เป็นข่าว ประกอบกับมีนักการเมืองไหลเข้าพปชร.จำนวนไม่น้อย โดยกลุ่มของมิ่งขวัญก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทั้งนี้มิ่งขวัญ เคยเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ และมีจุดยืนไม่เข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถูก ส.ส.ของพรรคอีก 5 คนจาก 6 คน (ยกเว้นตัวมิ่งขวัญ) เปลี่ยนจุดยืนและหันไปสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มิ่งขวัญตัดสินใจลาออก และเมื่อกลางปีที่ผ่านมามีกระแสข่าวมิ่งขวัญเปิดตัวตั้งพรรคโอกาสไทย การย้ายเข้าร่วมงานกับพปชร.ในครั้งนี้จึงชัดเจนแล้วว่ามิ่งขวัญพับแผนสานต่อพรรคดังกล่าวเพื่อเข้าร่วมงานกับพรรคใหญ่  

ความเคลื่อนไหวของมิ่งขวัญในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ตราขึ้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เมื่อ 30 พ.ย.2565 โดยไฟเขียวให้ใช้ระบบการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยฐาน 100 และใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กบางส่วนอาจต้องหายไปหรือต้องมีการยุบรวมพรรค เนื่องจากการจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องมีประชาชนลงคะแนนให้ราว 3.7 แสนคะแนน จึงเป็นที่น่าจับตาว่าหลังจากนี้พรรคเล็กอื่นๆ จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร