"ป๋าชู" ฟาดเจ้าสัว เอาที่ดินไปขายต่างชาติ แล้วต่อไปจะขายอะไรอีกครับ? มีต่างชาติอย่างตู้ห่าว 1 แสนคนก็ซื้อได้ 1 แสนไร่แล้ว อาจมีเปลี่ยนชื่อ จว.ปท.ไทยเป็น"จีนนคร"

"ป๋าชู" ฟาดเจ้าสัว เอาที่ดินไปขายต่างชาติ แล้วต่อไปจะขายอะไรอีกครับ?

"ป๋าชู" ฟาดเจ้าสัว เอาที่ดินไปขายต่างชาติ แล้วต่อไปจะขายอะไรอีกครับ? มีต่างชาติอย่างตู้ห่าว 1 แสนคนก็ซื้อได้ 1 แสนไร่แล้ว  อาจมีเปลี่ยนชื่อ จว.ปท.ไทยเป็น"จีนนคร"





ad1

03 ธ.ค. 2565  นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์  ได้โพสข้อความถึง เจ้าสัวซีพี กรณีสนับสนุนให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทยดังนี้ว่า
"การขายที่ดินต่างชาติ คำตอบจากคนไทยคนหนึ่งถึงเจ้าสัวซีพี
.
เรียน “เจ้าสัวซีพี” ที่เคารพ
.
ผมฟังสิ่งที่เจ้าสัวพูดถึงชาวต่างชาติซื้อที่ดินดีกว่าเข้ามาท่องเที่ยวแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ขายที่ดินแล้วเขาเอากลับไปด้วยไม่ได้
.
บอกว่า “คนไทยหวังดีกับประเทศ แต่กลับทำให้ประเทศเสียหาย”
.
ผมขออนุญาตตอบแทนคนไทยอย่างผมว่า
.
“หัวสมองอันปราดเปรื่องของเจ้าสัวคิดแต่เรื่องเงินทุน การผูกขาดเท่านั้น”
.
การมาท่องเที่ยวชั่วคราว เป็นการได้น้อยจริง แต่ได้ยาวไปตลอดชาติ เป็นการได้ทั้งระบบ ตั้งแต่ค่าที่พัก ค่าจับจ่ายใช้สอย ค่ากิน ค่าเดินทาง และอื่นๆ อีกมากครบวงจร มีเงินกระจายไปอย่างทั่วถึง เพราะการท่องเที่ยว มีรายได้มหาศาลไปจนถึง คนขายของข้างถนน
.
นักท่องเที่ยวไม่ได้ถูกบังคับให้กิน ให้ซื้อ ให้ผูกขาดเหมือนที่เจ้าสัวทำทุกวันนี้ เพราะมาแค่ชั่วคราว มาแล้วไป
.
แต่หากที่ดินถูกผูกขาดจากทุนต่างชาติไปด้วย ถือว่าเป็นระบบผูกขาดครบวงจร เป็นการกินทั้ง “ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์” ตามปัจจัยสี่ “ที่อยู่ อาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม” ทั้งสี่ถูกทุนไทยครอบงำไปหมด เหลือสิ่งสุดท้าย และสำคัญสุด คือ ที่ดินนั่นเอง
.
ส่วน 105 ล้านไร่ พื้นที่เพาะปลูก ขายไม่ได้หมดหรอกครับท่านเจ้าสัว แต่ที่หมดคือ “ที่ในทำเลดีๆ” สิไม่ว่า
.
ทุนต่างชาติที่แข็งแรงกว่าอย่างจีน ไม่ไปซื้อที่ห่วยๆ ที่ไม่มีค่าหรอครับ
.
หากเจ้าสัวจะซื้อที่ ทำไมไม่ไปซื้อแถวอีสานสัก 10,000 ไร่ มาพัฒนาสร้างวัด สร้างโรงเรียนให้ชุมชนล่ะครับ
.
ท่านคงไม่ทำ ก็เหมือนต่างชาติที่มีเงินทุนมากกว่าย่อมคัดเอา “ปลาตัวใหญ่” แล้วเหลือเศษก้างให้คนไทยไว้
.
พ่อค้า นายทุน คนมีเงิน คิดเหมือนกัน คือ “กำไร” แต่ท่านคิดได้มากกว่าอีก คือ “คิดกำไรแล้ว ต้องผูกขาดด้วย” แล้วใครจะทำได้ หากไม่ใช่ระดับเจ้าสัวอย่างท่าน
.
พ่อค้าธรรมดาทำไม่ได้หรอกครับ ทั้งต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ท่านเอาหมด แล้วคนไทยก็ปฎิเสธไม่ซื้อไม่ได้ เพราะ “ทุนผูกขาด” ยังไงครับ
.
เรื่องกำไรนั้นเป็นปกติของพ่อค้าทุกคน แต่จะกำไรก้าวกระโดด ต้องคิด “กินรวบผูกขาด” ไม่ให้พ่อค้าคนอื่นทำได้ มีท่านทำได้เท่านั้น
.
หากไม่ใช่เพราะ “ท่านมีเงินทุนมหาศาล” อันมาจากการกีดกันพ่อค้าคนอื่นไม่ให้มาแข่งขันในตลาด
.
เช่นเดียวกับพ่อค้าที่ดิน ไอ้ที่ดินมันไปไหนไม่ได้ แต่เงินที่ได้จากการขายที่ดินนี่สิ มันไปไหนก็ได้บนโลกใบนี้
.
หากต่างชาติซื้อที่ในทำเลที่ดี แล้วขายในราคาแพงเพื่อทำกำไร และปั่นราคาสูงจนคนไทยซื้อไม่ไหว คนที่ซื้อได้คือต่างชาติที่มีเงินเท่านั้น
.
เงินที่ขายได้ เขาก็สามารถขนกลับไปประเทศเขาได้อยู่ดี
.
จากนั้นคนไทยจะต้องไปซื้อที่ไกลออกไปไกลออกไป เพราะที่ในทำเลดีๆ เหมือน “เนื้อสเต็ก” ที่ถูกต่างชาติเฉือนเอาส่วนเนื้อที่นุ่ม หนึบ ติดมัน เอาไปกิน
.
ส่วนกระดูก โยนให้คนไทยเอาไปแทะ
.
อย่าไปยกตัวอย่างประเทศ “ดูไบ” เลยท่าน เพราะระบบความแข็งแกร่งต่างกัน ที่ดินดูไบแพงมาก คนดูไบเองรวย คนต่างชาติกลับเป็นคนที่มีทุนน้อยกว่า
.
คือเราเห็น “ต่างชาติ” เป็นเศรษฐี แต่ดูไบเห็นต่างชาติเป็นคนจนกว่าเขา จะเหมือนกันยังไง เอาตัวอย่างที่เป็นความจริงกลับด้านมาเทียบมันไหวหรือ?
.
ลองส่องกระจกดูตัวท่านเถอะ ท่านลองถามคนขับรถท่านดูว่า “ทำไมไม่ซื้อที่ดินซื้อบ้านแบบท่านล่ะ แล้วคนขับรถ จะมีเงินไปซื้อได้แบบท่านไหมครับ?”
.
นอกจากนั้นท่านยังพร่ำว่า ต่างชาติมาซื้อบ้าน สร้างงาน เช่น จ้างคนไทยมาดูแล เป็นคนใช้เฝ้าบ้าน
.
นี่ไง! ถึงบอกว่าท่านคิดได้แค่นี้ คนใช้เฝ้าบ้าน มันจะได้เงินสักกี่มากน้อย?
.
แค่ 10,000-20,000 บาท โถ มันก็เหมือนการสร้างงานของแม็คโคร โลตัส เซเว่น คนรวยคือท่าน
.
ส่วนขยายงาน คือ แคชเชียร์ คนยกสินค้า คนขับรถ
.
มันสร้างงานให้คนแค่มีกินไปวันๆ หมดไปกับค่าเดินทาง ค่ากิน ไม่เหลือเก็บออม แต่ที่รวยแล้วรวยเล่า คือ เจ้าสัว หรือว่าไม่จริงก็บอกได้
.
แล้วดูต่างชาติอย่าง “จีนเทา” มาซื้อบ้านกันยกหมู่บ้าน จัดปาร์ตี้ อยู่กันแบบไม่เกรงใจใคร เพราะเป็นเศรษฐี รบกวนเพื่อนบ้าน โดยไม่มีใครกล้าห้าม เพราะความรวย
.
อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก เมื่อทำขนาดระดับหมู่บ้านกว้านซื้อได้ ต่อไปก็กว้านซื้อระดับทั้งถนน ทั้งตำบลได้
.
แม้แต่อเมริกาเองยังเจอ “ไชน่าทาวน์” ขนาดเขามีระบบกฎหมายที่แข็งแกร่ง ยังมีแก๊ง “มังกรจีน” ที่ต้องปราบปรามจนถึงขนาดต้องตั้งตำรวจปราบจีนเทาดำ
.
แล้วหากเจอ ยิ่งกว่าตู้ห่าว ที่คนเดียวล่อที่ดินไป 1,000 ไร่ ในทำเลอย่างภูเก็ต สาทร ได้
.
มีต่างชาติอย่างตู้ห่าวสัก 100 คน ก็ทำได้ 100,000 ไร่แล้ว
อย่าลืมนะครับ คนจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน เอาแค่คนรวย 10% ก็ 140 ล้านคนแล้ว เอาแค่ 5 % ก็ยัง 70 ล้านคน เท่าประชากรไทยทั้งประเทศ นี่เฉพาะคนรวยของคนจีน
.
หากจีนมาซื้อยกจังหวัด ประชากรจังหวัดหนึ่งของไทยแค่ 1 ล้านคน ทุนจีนมาซื้อสบายมากครับ
.
ต่อไป อาจมีเปลี่ยนชื่อจังหวัดไทยเป็น “จีนนคร” และที่สำคัญเราไม่เคยแยกแยะ
.
แน่นอน มีจีนที่ดีๆ มากมาย ท่านก็มีเชื้อจีน บรรพบุรุษเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาตั้งตัวที่ไทย แต่ใครจะตรวจสอบจีนได้ หากมี “จีนเทา” มาสัก 100,000 คน จะทำความปั่นป่วนมากแค่ไหน?
.
ท่านต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจระดับ “มหภาค”
.
ความหมายคือ “ภาพใหญ่”
.
ไม่ใช่มองแต่ “เงิน“ เป็นตัวตั้งเท่านั้น
.
เมืองไทยยังไม่พร้อมหรอกครับท่านเจ้าสัว กฎหมายอ่อนแอ เจ้าหน้าที่รัฐเห็นแก่เงิน เอาแค่ ตอนนี้ยังไม่ได้ให้ต่างชาติซื้อที่ดิน ก็มีวิธีการซื้อ อย่างที่จีนซื้อยกหมู่บ้าน ยกชั้นคอนโด ด้วยการตั้งบริษัทเช่าคนไทยเป็น “นอมินี หรือตัวแทน” ถือหุ้นใหญ่ แล้วโอนลอยหุ้นกลับ
.
ไล่ซื้อกันแทบหมดหมู่บ้าน คนขายดีใจขายได้หมด แต่เคยสนใจหลังจากนี้ไหม เขาอยู่ร่วมกันแบบคนไทยได้ไง การเอาเงินสดมาก็ผิด เพราะไม่รู้ต้นตอว่าเป็นเงินอะไร
.
อาจจะขายยามา เอามาจากการพนันออนไลน์ แล้วคนไทยที่ทำมาหากินสุจริตจะเอาทุนไปสู้ได้ไง?
.
นี่เป็นระบบการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม จะเป็น “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” ตามสไตล์เจ้าสัว ที่มักชอบ
.
กระทำ คือ คิดแต่เรื่องเงิน ไม่ได้คิดถึงความมั่นคงของสังคม
.
ท่านค้าขายจนร่ำรวยมากมายมหาศาลถึงทุกวันนี้ ท่านเคยเอาชนะด้วยการใช้ทุนที่มีมากกว่า กันคู่แข่งออกจากตลาดไหมครับ!?
.
นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หากปล่อยให้ต่างชาติเข้ามา หนักกว่าที่ว่า คือ คนไทยจะกลายเป็นคนต่างด้าว เป็นตัวประหลาด ในแผ่นดินพ่อแผ่นดินแม่เสียเองครับ
.
แต่อย่างว่า คนอย่างเจ้าสัวซีพี บริษัทของท่านที่อ้างว่าเป็นบริษัทของคนไทย
.
มันไม่ใช่หรอกครับ บริษัทของท่านร่วมทุนกับต่างชาติ จนเป็น “บริษัทข้ามชาติ” ไปแล้ว
.
แต่นั่นมันแค่ “หุ้น” นะครับ ไม่ใช่ “ที่ดิน”
.
นี่ท่านจะเอาที่ดินไปขายด้วยหรือ?
.
แล้วต่อไปจะขายอะไรอีกครับ?