"กรณ์" ทิ้ง พรรคกล้า ซบ พรรคชาติพัฒนา

"กรณ์" ทิ้ง พรรคกล้า ซบ พรรคชาติพัฒนา

"กรณ์" ทิ้ง พรรคกล้า ซบ พรรคชาติพัฒนา





ad1

“กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า ทิ้งพรรคกล้าซบพรรคชาติพัฒนา จับมือ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” แก้วิกฤตเศรษฐกิจ แย้มจะมีพรรคพวกจากพรรคกล้ามาด้วย 

02 ก.ย. 2565  เมื่อเวลา10.35 น. ที่บ้านเลขที่ 333 ซอยราชวิถี 20 เขตดุสิต กทม. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) พร้อมนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ร่วมกันแถลงข่าว สรุปใจความสำคัญคือนายกรณ์ เปิดตัวร่วมงานกับพรรค ชพน. เพื่อเข้ามานำทีมเศรษฐกิจ ส่วนประเด็น การเตรียมลาออกจากหัวหน้าพรรคกล้า เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศครั้งนี้ ถือว่าวิกฤติที่สุดตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิด ประกอบปัญสงคราม ส่งผลให้ปัญหาสินค้าราคาแพงและเงินเฟ้อ พรรคชาติพัฒนาจึงตั้งเป้าจะหามาตรการและนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเพื่อกอบกู้วิกฤติในช่วงนี้ จึงต้องจับมือกันกับมือเศรษฐกิจที่เป็นมืออาชีพ เข้าใจบริบทปัญหาเศรษฐกิจของโลก และของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า จึงมองว่านายกรณ์ มีความเหมาะสม และมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจโดยตรง และเชื่อมั่นว่านายกรณ์ จะเป็นผู้ที่มากอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ โดยร่วมกันทำงานกับพรรคชาติพัฒนา แต่การจะแก้ไขวิกฤติปัญหาได้ การเมืองต้องนิ่ง มีเสถียรภาพ ไม่มีความขัดแย้ง และมีความประนีประนอม ยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก
“วันนี้ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวทางการเมือง ผสมผสานความเป็นมืออาชีพทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจไว้ด้วยกัน จึงมั่นใจว่าด้วยทีมเวิร์คและความเป็นมืออาชีพ ร่วมกันทำงานทั้งสองฝ่าย จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งและทีมเวิร์คที่ดีทางการเมือง และนำไปสู่ความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน การร่วมงานกับนายกรณ์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกฎหมาย และพร้อมรับทีมงานของนายกรณ์ และพรรคกล้ามาร่วมงานด้วย” นายสุวัจน์กล่าว
ส่วนนายกรณ์ จะรับตำแหน่งอะไรในพรรคชาติพัฒนานั้น นายสุวัจน์กล่าวว่า ต้องเป็นตำแหน่งสำคัญ ที่มั่นใจว่าจะสามารถแก้วิกฤติเศรษฐกิจได้ และยังไม่ชัดว่าจะมานั่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของชาติพัฒนาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวะและปฏิทินการเมือง
“การเมืองต้องหันหน้าเข้าหากัน ยังไม่ปิดโอกาสที่จะมือกับพรรคการเมืองอื่น ทั้ง ‘พรรคไทยสร้างไทย’ ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ และ ‘พรรคสร้างอนาคตไทย’ ของนายอุตตม สาวนายน และพร้อมสู้ทุกกติกา” นายสุวัจน์กล่าว
ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ สส.จำนวนเท่าไหร่ แต่หวังว่าจะเห็น ‘พรรคชาติพัฒนา’ กลับมาเป็นพรรคใหญ่ กลับมาเป็นทางเลือกให้ประชาชน และมีบทบาทในการลดความขัดแย้ง สร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้เกิดขึ้น สามารถรวมพลังร่วมกันกู้วิกฤติประเทศได้ แต่วันนี้ยังเร็วเกินไปว่าจะไปจับมือกับพรรคใดเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ขึ้นอยู่กับจังหวะทางการเมือง
ด้านนายกรณ์ หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า พรรคการเมืองต้องมีความชัดเจน ทั้งด้านหลักการและเป้าหมาย แต่ต้องมีความยืดหยุ่นในเส้นทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น เป้าหมายของตนเองในฐานะนักการเมือง ที่ต้องการให้คนไทยอยู่ดีกินดีไม่เคยเปลี่ยน การจับมือกับนายสุวัจน์เป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก เพราะมีโอกาสที่จะช่วยกันผลักดันนโยบายสู่การปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ประชาชนได้ง่ายขึ้น
ส่วนความชัดเจนเรื่องสังกัดพรรคชาติพัฒนา นายกรณ์ บ่ายเบี่ยงที่ตอบว่า ลาออกจากสมาชิกพรรคกล้าแล้วหรือไม่ และได้มาสมัครสมาชิกพรรคชาติพัฒนาแล้วหรือยัง โดยกล่าวแต่เพียงว่า ต้องรอรายละเอียดและรอขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่การควบรวมพรรคชาติพัฒนาและพรรคกล้าเข้าด้วยกัน พรรคกล้าจะยังอยู่ในสถานะพรรคการเมือง แต่ทุกคนในพรรคกล้าเห็นตรงกันกับความร่วมมือครั้งนี้ รวมถึงนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้าที่จะมาร่วมงานด้วย
นายกรณ์ ยังยืนยันว่าการตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนา ไม่เกี่ยวกับสูตรคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อจาก 500 มาเป็น 100 แต่ส่วนตัวมองถึงโอกาสที่จะได้ทำงานให้กับประชาชน

เมื่อถามว่า วันนี้มาในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าหรือไม่ นายกรณ์ กล่าวว่า มาในฐานะนายกรณ์ ได้มีการปรึกษาหารือพูดคุยกับนายสุวัจน์ระยะหนึ่ง ได้ตกลงใจว่าเราจะทำงานร่วมกัน ส่วนอนาคตพรรคกล้านั้น เป็นเรื่องของพรรคกล้าที่มีกระบวนการต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ขั้นตอนทางกฎหมายมันจะเป็นตัวกำกับว่า เราจะต้องทำอย่างไร

ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าพรรคชาติพัฒนาจะมีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อดำเนินการเพื่อนำไปสู่การประชุมใหญ่ ซึ่งอาจจะมีความชัดเจนเรื่องตำแหน่งของตัวของนายกรณ์ ที่จะมาร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนา